วันพุธที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2560

[HxH] ยอร์ชินซิตี้ ศูนย์กลางศิลปะในโลกแห่งความเป็นจริง

ฮันเตอร์ x ฮันเตอร์ นับเป็นการ์ตูนอีกเรื่องที่ได้นำสถานที่ต่างๆ บนโลก มาใส่ไว้ในฉากดำเนินเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการนำมาโดยการจำลองสถานที่ หรือการดัดแปลงสถานที่เพื่อให้เหมาะสมกับเหตุการณ์ในเรื่องมากขึ้น ดังเช่นที่มีการเขียนเอาไว้ในบทความก่อนหน้านี้

ในบทความนี้ เราจะพาทุกท่านเดินทางไปยังมหานครอันยิ่งใหญ่ในเรื่องฮันเตอร์ x ฮันเตอร์ มหานครที่รวบรวมเศรษฐี และเป็นศูนย์กลางแห่งเศรษฐกิจและความทันสมัย นั่นก็คือเมืองยอร์กชินซิตี้ค่ะ

ด้วยความที่เมืองยอร์กชินซิตี้ มีลักษณะตามแผนที่ที่ชัดเจนอยู่แล้วตามที่ปรากฏในอนิเมชั่นปี 1999 ตอนที่ 50 ซึ่งเป็นตอนที่กอร์นกับคิรัวร์ตัดสินใจเดินทางไปเพื่อหาเงินมาประมูลตลับเกม กรีด ไอแลนด์ ทำให้ผู้ชมจำนวนไม่น้อยสามารถดูออกว่าเมืองยอร์กชินซิตี้บนแผนที่นั้น จริงๆ แล้ว มันก็คือประเทศอิตาลีนั่นเอง

แผนที่เมืองยอร์กชินซิตี้ จากอนิเมชั่นปี 1999 ตอนที่ 50

ประเทศอิตาลี หรือมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐอิตาลี ตั้งอยู่ในบริเวณทวีปยุโรปตอนใต้ และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน รูปทรงประเทศอิตาลีมีความโดดเด่นตรงที่มีลักษณะคล้ายรองเท้าบูท ทำให้บรรดานักท่องเที่ยวและผู้คนทั่วไปจดจำได้ง่าย อิตาลีเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของสถาปัตยกรรมต่างๆ และสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อระดับโลกมากมาย รวมทั้งยังเป็นประเทศที่มีแหล่งมรดกโลกมากที่สุดในโลกอีกด้วย โดยแบ่งเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม 42 แห่ง และ มรดกโลกทางธรรมชาติอีก 2 แห่ง รวมทั้งสิ้น 44 แห่งด้วยกัน แต่หากเทียบกับประเทศในกลุ่มยุโรปประเทศอื่นแล้ว อิตาลีก็ถือเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีปัญหาอาชญากรรมเยอะมากๆ โดยเฉพาะปัญหาการฉกชิงวิ่งราวในเมืองใหญ่ๆ เช่น โรม มิลาน

ประเทศอิตาลีบนแผนที่โลก จากเว็บไซต์ belleitaly.com

ด้วยความหลากหลายทางด้านศิลปะ สถาปัตยกรรม และความขึ้นชื่อของแหล่งอารยธรรมอันงดงามเก่าแก่แห่งหนึ่งของโลก ในอนิเมชั่นปี 1999 จึงได้มีการปรากฏสถานที่สำคัญ ในเมืองท่องเที่ยวสำคัญของอิตาลีถึง 2 เมืองด้วยกัน นั่นก็คือฟลอเรนซ์ และโรมนั่นเองค่ะ

ฟลอเรนซ์และโรมจากอนิเมชั่นปี 1999 ตอนที่ 50

เมืองฟลอเรนซ์ เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 8 ในอิตาลี เมืองฟลอเรนซ์ในยุคกลาง (ค.ศ. 100 - 1500 หรือปีพ.ศ. 643 - 2043) เป็นศูนย์กลางทางศิลปะ สถาปัตยกรรม การค้า การเงิน รวมถึงเป็นแหล่งกำเนิดของยุคสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา โดยเมืองฟลอเรนซ์ในยุคกลางเป็นที่รู้จักกันในชื่อเอเธนส์ และนอกจากนี้ เขตใจกลางเมืองเก่าของฟลอเรนซ์ ยังได้รับการจดทะเบียนให้เป็นเขตมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 1982 (พ.ศ. 2525) อีกด้วย

ที่ตั้งเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี

สถานที่สำคัญที่ได้ปรากฏในเรื่องอย่างเด่นชัดมากๆ ในตอนที่ 50 นั่นก็คือ ศาสนสถานขนาดใหญ่ มหาวิหารฟลอเรนซ์ (Florence Cathedral)

มหาวิหารฟลอเรนซ์ใน HxH และในสถานที่จริง

มหาวิหารฟลอเรนซ์ เป็นมหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ของยุโรป และใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของอิตาลี รองจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในวาติกัน สร้างขึ้นครั้งแรกในปีค.ศ. 1296 แล้วเสร็จในปีค.ศ. 1463 แต่ภายนอกของโบสถ์นั้น เสร็จสมบูรณ์ในอีก 400 ปีต่อมา จุดเด่นของมหาวิหารแห่งนี้คือโดมสีส้มขนาดใหญ่ ภายนอกเป็นลวดลายหินอ่อน ภายในไม่มีเสา ไม่มีคาน แต่ใช้วิธีวางอิฐซ้อนกัน ซึ่งถือเป็นต้นแบบของการออกแบบที่ยิ่งใหญ่มากๆ ในยุคนั้น
ปัจจุบันทางการฟลอเรนซ์ห้ามไม่ให้มีการสร้างอาคารใดๆ ที่สูงกว่าโดมแห่งนี้ เพื่อเป็นเกียรติแก่ฟิลิปโป บรูนเนลเลสซี สถาปนิกผู้ออกแบบ นอกจากนั้นแล้ว มหาวิหารแห่งนี้ยังเป็นสถานที่สำคัญและศักดิ์สิทธิ์ของเมืองฟลอเรนซ์ และนับว่าเป็นสถานที่ที่สวยงามที่สุดในอิตาลีอีกด้วย ปัจจุบันมหาวิหารฟลอเรนซ์อยู่ภายใต้การดูแลของสังฆมณฑลโรมันคาทอลิกแห่งฟลอเรนซ์

มหาวิหารฟลอเรนซ์ เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี

อีกหนึ่งสถานที่ในเมืองฟลอเรนซ์ ที่ได้ปรากฏอยู่ในเรื่อง นั่นก็คือรูปปั้นเทพเจ้าเนปจูน หรือ Neptune Fountain ณ จัตุรัสซินญอเรีย สถานที่ชุมนุมของชาวเมืองยามมีเหตุการณ์สำคัญ

Neptune Fountain ในเรื่องและในสถานที่จริง

ซึ่งภาพที่ปรากฏในเรื่องฮันเตอร์ x ฮันเตอร์นั้น แม้จะเห็นเพียงด้านหลังและไม่ชัดเจนเท่ากับมหาวิหารฟลอเรนซ์ แต่สำหรับผู้ที่สนใจในเรื่องราวหรือสถานที่สำคัญของอิตาลี โดยเฉพาะเมืองฟลอเรนซ์ ก็คงจะดูออกได้ไม่ยากค่ะ

สำหรับรูปปั้นเทพเจ้าเนปจูนนั้น ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1575 โดยตั้งชื่อตามเทพเจ้าแห่งท้องทะเลของโรมันคือ เนปจูน แต่ผู้มีอำนาจทางการเมืองในสมัยนั้นให้สร้างโดยใส่ใบหน้าของตัวเองเข้าไปแทน โดยมีจุดประสงค์ของการสร้างเพื่อฉลองชัยชนะด้านการเดินเรือของชาวทัสคัน

นอกจากรูปปั้นเทพเจ้าเนปจูนแล้ว จัตุรัสซินญอเรียแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยศิลปะ และสถาปัตยกรรมอันวิจิตรงดงามอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอาคารเก่าแก่ต่างๆ รูปปั้นแกะสลักเดวิดของแท้ที่ตั้งมานานกว่า 3 ศตวรรษ เทพอพอลโล เทพเพอร์ซิอุสถือหัวนางเมดูซ่า เทพเฮอคิวลิส รวมทั้งอนุสาวรีย์โคสิโม่ที่ 1 แห่งฟลอเรนซ์

จัตุรัสซินญอเรียเป็น 1 ใน 3 ของจัตุรัสที่โดดเด่นของอิตาลี กลางลานประดับด้วยน้ำพุเพิ่มความสวยงาม และยังคงเป็นศูนย์กลางของเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยประวัติศาสตร์จนถึงยุคปัจจุบัน

รูปปั้นเทพเนปจูน จตุรัสซินญอเรีย เมืองฟลอเรนซ์

และสถานที่สุดท้ายในบทความนี้ เราจะพาทุกคนลงใต้อีกนิด เพื่อเข้าสู่เขตเมืองหลวงสุดคลาสสิคของประเทศอิตาลี กรุงโรมนั่นเองค่ะ

ที่ตั้งกรุงโรม เมืองหลวงของอิตาลี

โรม (Rome) เป็นเมืองหลวง และเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 2.5 ล้านคน โรมเป็นที่ตั้งของนครวาติกัน ศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก และยังเป็นที่ประทับขององค์สมเด็จพระสันตะปาปา ประมุขของศาสนจักรคาทอลิกทั่วโลกอีกด้วย
หลังสิ้นสุดยุคกลาง กรุงโรมได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของสมเด็จพระสันตะปาปา และด้วยการปกครองนี้ จึงทำให้โรมกลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาในอิตาลีเช่นเดียวกับฟลอเรนซ์ ซึ่งสถาปัตยกรรมจากยุคนั้นที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมาจนถึงปัจจุบัน เช่น มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ และภาพวาดปูนเปียกต่างๆ โดยไมเคิล แองเจโล ที่ประดับในโบสถ์น้อยซิสทีน

ในปี พ.ศ. 2550 โรมเป็นเมืองที่มีผู้มาเยือนมากเป็นอันดับที่ 11 ของโลก และมากเป็นอันดับที่ 3 ในยุโรป นอกจากนี้ กรุงโรมยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เได้รับความนิยมสูงสุดในอิตาลี ศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ในใจกลางเมืองได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก โดยอนุสรณ์สถานและพิพิธภัณฑ์อย่างสนามกีฬาโคลอสเซียม และพิพิธภัณฑ์วาติกัน ยังถูกจัดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมมากที่สุด 50 อันดับแรกของโลก

Spanish Steps ในเรื่องและในสถานที่จริง 

โดยสถานที่ในกรุงโรม ซึ่งเป็นสถานที่สุดท้ายที่ปรากฏอยู่ในฮันเตอร์ x ฮันเตอร์ ปี 1999 ตอนที่ 50 มีชื่อเรียกว่า Spanish Steps หรือ บันไดสเปน นั่นเองค่ะ โดยบันไดแห่งนี้เป็นบันไดที่กว้างและยาวที่สุดในยุโรป มีบันไดทั้งหมด 138 ขั้น สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1723 - 1725 และที่ถูกเรียกว่าบันไดสเปน เพราะในอดีต บริเวณใกล้ๆ นี้ เคยเป็นที่ตั้งของสถานฑูตสเปนนั่นเอง

บันไดสเปนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกจากการเป็นฉากในภาพยนตร์ดังมากมาย และกิจกรรมสุดฮิตของการมาเที่ยวที่นี่ คือการมานั่งปิคนิก และทานไอศกรีม แต่ปัจจุบันได้มีการออกกฏหมายห้ามเนื่องจากทำให้บันไดเปรอะเปื้อนสกปรก ปัจจุบันจึงได้กลายเป็นเพียงแหล่งพบปะพูดคุยของบรรดานักท่องเที่ยว และศิลปินสมัยใหม่ชาวโรม รวมทั้งเป็นที่นั่งชมความสวยงามของพระอาทิตย์ตกดิน ณ บริเวณบันไดสเปนแห่งนี้ด้วย

บริเวณลานด้านหน้าของบันไดสเปน มีน้ำพุสไตล์บาโรกยุคต้น รูปทรงเรือโบราณ ซึ่งถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1627 - 1629 ตามประวัติศาสตร์เล่าว่า พระสันตะปาปาอูร์บาโนที่ 8 รับสั่งให้สร้างจำลองจากเรือที่ถูกพัดมาจากแม่น้ำไทเบอร์ตอนน้ำท่วม และที่มุมขวาของบันได ยังเป็นพิพิธภัณฑ์ และจดหมายเหตุรวบรวมผลงานสำคัญทั้งต้นฉบับและงานเขียนของกวีในยุคโรแมนติกมากมายหลายท่าน และในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา หรือยุคเรอเนสซองส์ สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยว เป็นแหล่งรวบรวมศิลปินและนักเขียน เรียงรายด้วยโรงแรม และที่พักอาคารหรูหรามากมาย

แม้ว่าในปัจจุบัน เทศบาลกรุงโรมจะได้มีการออกกฏระเบียบห้ามรับประทานอาหารบริเวณบันไดแห่งนี้ แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็ยังคงชอบที่จะใช้เป็นสถานที่นั่งพูดคุยกัน ทานอาหาร และดื่มเครื่องดื่มต่างๆ อยู่เสมอ หลายๆ ครั้งมีการแสดงดนตรีเปิดหมวกของเหล่าศิลปิน ซึ่งช่วยสร้างบรรยากาศของที่นี่ให้มีมนต์เสน่ห์ และคลาคล่ำไปด้วยผู้คนนับจนปัจจุบัน



อากิ

2 ความคิดเห็น: