วันเสาร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

[HxH] ทวีปมืด x แอมะซอน x Danger Zone แห่งโลกฮันเตอร์และโลกมนุษย์

ในโลกของเราและโลกในการ์ตูนเรื่อง ฮันเตอร์ x ฮันเตอร์ เต็มไปด้วยสถานที่ที่มีความหลากหลายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ใจกลางเมือง ย่านดาวทาวน์หรือแหล่งท่องเที่ยวยามราตรี ชนบทห่างไกลความเจริญ หรือแม้กระทั่งดินแดนซึ่งมนุษย์ไม่ควรแก่การย่างกรายเข้าไปใกล้

ในบทความนี้ เราจะมาพูดถึงสถานที่ประเภทสุดท้ายที่ได้ยกตัวอย่างไป ดินแดนแห่งความอันตรายทั้งในโลกของฮันเตอร์ x ฮันเตอร์ และในโลกแห่งความเป็นจริงของเรา พื้นที่ซึ่งเปรียบเสมือนนรกบนดิน ซึ่งไม่เหมาะหากจะเดินทางไปที่แห่งนั้นโดยไร้ซึ่งความรู้ในการเอาชีวิตรอด นั่นก็คือทวีปมืด และป่าแอมะซอน นั่นเองค่ะ

ความลี้ลับของป่าแอมะซอนและทวีปมืด

หากใครที่ได้ติดตามเรื่องฮันเตอร์ x ฮันเตอร์ในช่วง 2 - 3 ปีมานี้ ก็คงจะคุ้นเคยกับสถานที่ที่ถูกเขียนขึ้นมาใหม่ในชื่อของ "ทวีปมืด" หรือ "Dark Continent" ซึ่งทวีปมืดเป็นที่รู้จักกันในเรื่องของความที่เป็นทวีปขนาดใหญ่ มีทรัพยากรล้ำค่าต่าง ๆ มากมาย แต่ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยอันตรายรอบตัวและภัยพิบัติอีกมากมาย ความอันตรายของทวีปมืดนั้นได้คร่าชีวิตผู้ที่เดินทางมาเยือนไปเป็นจำนวนมาก โดยตามบันทึกของกลุ่ม V5 ที่ถูกอ้างอิงตามบันทึกของดอน ฟรีคส์ ได้กล่าวไว้ว่าในช่วงเวลา 300 ปี มีการเดินทางไปยังทวีปมืดที่ถูกบันทึกได้ถึง 149 ครั้ง มีเพียง 5 ครั้งเท่านั้นที่มีผู้รอดชีวิตกลับมา และมีเพียง 3 คน ที่สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ 

ด้วยกิตติศัพท์แห่งความโหดร้ายและอันตรายของทวีปมืด ทำให้ชวนนึกถึงป่าดิบชื้นแห่งหนึ่งบนโลกของเราที่มีความกว้างใหญ่ไพศาล เต็มไปด้วยสิ่งซ่อนเร้นและอันตรายมากมายจนได้รับฉายาว่า "นรกสีเขียว" หรือที่รู้จักกันในนาม "ป่าแอมะซอน" ซึ่งถ้าพูดถึงความอันตรายของมันแล้ว สามารถเทียบเท่าระดับน้อง ๆ ทวีปมืดได้เลยทีเดียว และมีบางอย่างที่คล้ายคลึงกันอย่างน่าสนใจ ดังนั้นอย่ารอช้าอยู่เลยค่ะ เราไปทำความรู้จักกับป่าแอมะซอนแห่งนี้กันเถอะ!

ป่าดิบชื้นและแม่น้ำแอมะซอน

ป่าแอมะซอนเป็นป่าดิบชื้นที่อยู่ในทวีปอเมริกาใต้ มีพื้นที่มากถึง 7 ล้านตารางกิโลเมตร โดยที่พื้นที่ของป่าดิบชื้นอยู่ที่ 5.5 ล้านตารางกิโลเมตร กินพื้นที่ของประเทศต่าง ๆ ในทวีปอเมริกาใต้ถึง 9 ประเทศ ได้แก่ บราซิล เปรู โคลอมเบีย เวเนซุเอลา เอกวาดอร์ โบลิเวีย กายอานา ซูรินาม และเฟรนช์เกียนา พื้นที่กว่า 60% อยู่ในประเทศบราซิล และบราซิลก็เป็นประเทศที่เคยตกเป็นประเทศอาณานิคมของประเทศโปรตุเกส ดังนั้นภาษากลางของที่นี่จึงเป็นภาษาโปรตุเกส

ป่าแอมะซอนเป็นป่าดิบชื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุดในโลก และมีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดในโลก ปัจจุบันมีจำนวนสปีชี่ส์ของพืชที่รู้จักกันในแถบนี้ 40,000 สปีชีส์ ปลา 2,200 ชนิด ซึ่งถือเป็นอาหารหลักของผู้คนที่นี่ นก 1,200 กว่าชนิด สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 400 กว่าชนิด สัตว์เลื้อยคลาน 300 กว่าชนิด สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำอีก 400 กว่าชนิด ว่ากันว่าจำนวนสปีชี่ส์ทั้งหมดบนโลกนี้ 1 ใน 3 สามารถพบได้ที่แอมะซอน

ความกว้างใหญ่ของป่าแอมะซอนเป็นแหล่งดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ถูกผลิตขึ้น จะถูกเปลี่ยนเป็นก๊าซออกซิเจนมากกว่า 30% ของโลก ทำให้ที่แอมะซอนแห่งนี้ถูกเรียกอีกชื่อว่าเป็น "ปอดของโลก" และเป็นป่าที่มีความสำคัญต่อการรักษาสมดุลย์ของสภาพภูมิอากาศของโลก ป่าแอมะซอนยังเป็นพื้นที่ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง ไม่ว่าจะเป็นไม้เนื้อแข็งชั้นดี พืชสมุนไพรที่ใช้ในการรักษาโรค แร่ธาตุต่าง ๆ ไปจนถึงสัตว์นานาชนิด

แม้ว่าแอมะซอนจะเป็นแม่น้ำที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก แต่ก็ไม่ได้เป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในโลก แม่น้ำที่ยาวที่สุดในโลกคือแม่น้ำไนล์ แต่แม่น้ำแอมะซอนเป็นที่หนึ่งในเรื่องของจำนวนน้ำที่ไหลผ่านมายังแม่น้ำแห่งนี้ น้ำจืดทั้งหมดที่พบในแม่น้ำแอมะซอนรวมแล้วเป็นประมาณ 20% ของน้ำจืดในแม่น้ำทั้งโลก ความกว้างของแม่น้ำในฤดูแล้งอยู่ที่ประมาณ 1.6 - 10 กิโลเมตร และสามารถขยายได้ถึง 48 กิโลเมตรในช่วงฤดูฝน 

ที่ตั้งและพื้นที่ของป่าแอมะซอน

วิถีชีวิตแต่เดิมของชนพื้นเมืองในแอมะซอนนัั้นใช้ชีวิตด้วยการล่าสัตว์ จับปลา ปลูกพืช มีภาษาเป็นของตนเอง และในทุกวันนี้ก็ยังคงใช้ชีวิตเหมือนบรรพบุรุษโดยไม่เปลี่ยนแปลง แอมะซอนจัดเป็นโซนหนึ่งในโลกซึ่งมีคนอาศัยอยู่หลายเผ่า หลายภาษา หลายชาติพันธุ์ 

ในยุคแห่งการล่าอาณานิคม ป่าแอมะซอนไม่ได้มีการถูกค้นพบ แต่ถูกรุกรานโดยชาวโปรตุเกสและสเปนที่เข้ามา ในช่วงนั้นคาดกันว่ามีชาวพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ในแอมะซอนมากกว่าสามล้านคน ชนพื้นเมืองบางส่วนถูกชาวยุโรปฆ่าเพื่อแย่งชิงพื้นที่ บางส่วนก็ถูกบังคับให้เป็นแรงงานในเหมืองหรือในไร่อ้อย นอกจากนั้น คนยุโรปในสมัยนั้นยังได้เอาเชื้อโรคบางชนิดมาด้วย ทำให้ชนพื้นเมืองที่ในสมัยนั้นไม่ได้มีภูมิคุ้มกันต่อโรคต้องเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก

แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นกับชาวแอมะซอนไม่ใช่เพียงแค่การรุกรานของชาวโปรตุเกสและชาวยุโรป ยังมีปัญหาเกิดขึ้นอีกเมื่อมีการค้นพบยางพารา การค้นพบยางพาราทำให้เมืองมาเนาส์ (Manaus) ในประเทศบราซิล ซึ่งเป็นเมืองที่มีพรมแดนติดกับแอมะซอนเติบโตขึ้นมาเป็นเมืองจากการทำยางพารา ในเวลาต่อมา รัฐบาลของรัฐอนาซอนัสได้มีการออกสำรวจสิ่งที่จะทำให้ตัวเองมั่งคั่งได้อีกนอกจากยางพารา ก็ได้เดินทางเข้ามายังแอมะซอนเพื่อค้นหาสิ่งที่จะสามารถทำให้ร่ำรวยขึ้นมาอีกได้ กลุ่มคนที่เข้ามาแอมะซอนในช่วงแรกเข้ามาหาทองคำ แต่ไม่พบอะไรเลย สิ่งที่พบมีแต่ชนพื้นเมือง ไข้ป่า ไข้มาลาเรีย ปลาปิรันย่า งูอนาคอนด้า และอากาศก็ร้อนมาก ป่าแอมะซอนจึงถูกเรียกว่า "นรกสีเขียว" หรือ "The Green Hell" ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ทุกวันนี้ป่าแอมะซอนหลงเหลือชนพื้นเมืองอยู่ประมาณ 300 เผ่า มีภาษากว่า 200 ภาษา และยังมีอีกหลายเผ่าที่มีชีวิตอยู่โดยไม่มีการติดต่อใด ๆ กับโลกภายนอกเลย

ชนเผ่าพื้นเมืองในแอมะซอนซึ่งถูกนักสำรวจค้นพบอย่างบังเอิญ

นอกจากเรื่องภูมิประเทศและประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจแล้ว ยังมีเรื่องราวของระบบนิเวศน์ สภาพภูมิอากาศ สิ่งมีชีวิต และพืชพรรณต่าง ๆ ที่น่าสนใจ และโด่งดังมาก ๆ ในแอมะซอน 

อย่างที่หลาย ๆ คนอาจจะทราบว่าป่าแอมะซอนมีสภาพภูมิอากาศที่ร้อนชื้นเหมือนกับป่าร้อนชื้นทั่ว ๆ ไป แต่ในแอมะซอนนั้น เราไม่สามารถถามหาความแน่นอนของสภาพอากาศได้เลย ที่แอมะซอนมีฝนตกทุกวัน บางทีอาจจะแดดออกอยู่ แต่อีกสักพักฝนก็อาจจะตกลงมาอีกก็ได้ ดังนั้น ในแถบลุ่มน้ำแอมะซอนนี้ จึงมีบางพื้นที่ที่เกิดป่าน้ำท่วม หรือ Rainforest Flood เป็นป่าที่มีต้นไม้ต้นใหญ่อยู่ใต้น้ำครึ่งหนึ่ง ในเดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายนจะมีฝนตกทุกวัน ทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยจะขึ้นสูงสุดในเดือนมิถุนายน ในช่วงนี้ระดับน้ำจะเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติถึง 8 เมตร แต่พืชที่อยู่ใต้น้ำจะไม่ตาย เพราะพืชบนดินจะสร้างวิธีหายใจที่ช่วยในการสังเคราะห์แสงของตัวเองโดยการสร้างฟองอากาศ ส่วนในบริเวณพื้นที่ที่ไม่ได้ถูกน้ำท่วมนั้น ต้นไม้ต่าง ๆ ในป่าแอมะซอนจะสูงมากกว่าต้นไม้ในป่าทั่ว ๆ ไปเพราะเป็นป่ารกทึบ แสงแดดไม่สามารถส่องลงมาถึงพื้นได้ แต่อากาศกลับร้อนอบอ้าวเป็นอย่างมาก ต้นไม้ในป่าแอมะซอนจึงจะต้องแข่งกันขึ้นให้สูง เพราะยิ่งขึ้นสูง ก็จะยิ่งได้รับแสงอาทิตย์มากขึ้น หรือถ้าหากว่าเป็นต้นไม้ที่มีขนาดเตี้ย มีความสูงที่ต่ำลงไปก็ต้องมีขนาดใบที่ใหญ่มากขึ้น เพื่อให้ได้รับแสงแดดได้

ป่าน้ำท่วม (Rainforest Flood)

และเนื่องจากขนาดพื้นที่ของป่าที่มีความกว้างใหญ่เป็นอย่างมาก รวมทั้งมีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติที่มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ป่าแอมะซอนนี้จึงเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ต่าง ๆ มากมาย ทั้งสัตว์แปลกหายาก รวมถึงสัตว์ที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์

ถ้าหากจินตนาการถึงสัตว์ในป่าแอมะซอนแล้ว คนส่วนมากมักจะนึกถึงสัตว์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังจากภาพยนตร์ต่าง ๆ เช่น งูอนาคอนด้า หรือปลาปิรันย่า แต่ในความเป็นจริงแล้ว สัตว์ที่ได้รับการขนานนามว่าน่ากลัวที่สุดในป่าแอมะซอนคือเสือจากัวร์ เพราะเป็นสัตว์ที่มีแรงกัดรุนแรงที่สุด และยังชอบจู่โจมเหยื่อจากด้านหลังโดยที่เหยื่อไม่ทันได้รู้ตัวอีกด้วย แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีสัตว์อีกประเภทที่ไม่ได้น่ากลัวเท่างูอนาคอนด้า แต่ก็สำคัญมากถึงขนาดที่เราจำเป็นจะต้องรู้จัก สัตว์ชนิดนี้เป็นสัตว์ที่พบได้แทบจะมากที่สุดในแถบแอมะซอน นั่นก็คือเคแมน อัลลิเกเตอร์ หรือ ตะโขงเคแมน (Caiman Alligator) ซึ่งสาเหตุการเสียชีวิตของผู้คนในแถบนี้ ถ้าไม่ใช่ด้วยสัตว์ที่มองไม่เห็นอย่างแมลงมีพิษหรืองูมีพิษ สัตว์ที่โจมตีคนมากที่สุดก็คือตะโขงเคแมนที่คร่าชีวิตผู้คนสูงเป็นอันดับต้น ๆ เลยทีเดียว

เสือจากัวร์และตะโขงเคแมน นักล่าที่น่ากลัวแห่งแอมะซอน

และหลังจากนี้ เราจะไปทำความรู้จักกับสัตว์อันตรายแห่งลุ่มน้ำแอมะซอนกันค่ะ เนื่องจากมีจำนวนสัตว์แปลก ๆ มากมายที่สามารถหาอ่านได้ตามเว็บไซต์ทั่วไป ดังนั้นในบทความของเรา จึงอยากจะยกตัวอย่างมาเพียงบางชนิด และมีการเสริมข้อมูลที่อาจจะไม่สามารถหาได้ทั่วไปมาให้รู้จักกันค่ะ

สัตว์ชนิดต่อมานั่นก็คือปลาปิรันย่า ในความเป็นจริงแล้วปลาปิรันย่าไม่ได้น่ากลัวมากมายแบบที่เราเคยเห็นกันตามภาพยนตร์ และภาพยนตร์ต่าง ๆ ก็มีการสร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับปลาปิรันย่าให้คนดูเยอะพอสมควร


ปลาปิรันย่าจัดเป็นอาหารชนิดหนึ่งที่คนแถวนี้มักจับกินกันเป็นปกติ ความน่ากลัวของปลาปิรันย่าอยู่ที่ฟันซี่เล็ก ๆ ที่แหลมคมราวกันเหล็ก ปลาปิรันย่าจะรอให้เหยื่อตกน้ำแล้วมารุมกินกันเป็นฝูง ซึ่งปลาปิรันย่าทั้งฝูงสามารถกินลูกวัวตัวเดียวให้หมดเหลือแต่กระดูกได้ภายในเวลาเพียง 12 นาที อาหารปกติของปลาปิรันย่าคือลูกวัวของชาวบ้านแถวนั้น ถ้าเป็นอาหารตามธรรมชาติก็คือตะโขง และสัตว์ใด ๆ ก็ตามที่มีขนาดตัวที่ใหญ่กว่า และดูดุร้ายกว่ามัน สัตว์แทบทุกชนิดจะแพ้ปิรันย่าหมดเพราะมากันเป็นฝูงอย่างรวดเร็วและไม่สามารถหลบได้ ชาวบ้านแถวนี้จะไม่ลงน้ำกันเพราะอาจจะโดนกัดได้ทุกเมื่อ ปลาปิรันย่าหนึ่งตัวสามารถงับนิ้วคนขาดได้ แต่ถ้ามาเป็นฝูง ก็สามารถงับจนไม่เหลือซากได้ ถ้าเลือดออกหรือมีแผลใด ๆ ก็ตามห้ามลงน้ำเด็ดขาด เพราะกลิ่นเลือดจะทำให้ปลาชนิดนี้คลั่งเป็นอย่างมาก

มดกระสุน (Bullet Ant)



มดกระสุน บางคนเรียกว่า "มดทหาร" หรือ "มดยาม" เป็นมดตัวใหญ่ขนาดข้อนิ้ว อาศัยอยู่บริเวณรากไม้ มีหน้าที่คอยเฝ้ารังขนาดใหญ่ของมดชนิดหนึ่งที่อยู่ใต้ต้นไม้ลงไป เป็นมดที่ดังมากในป่าแอมะซอน เพราะมันเป็นมดที่กัดแล้วอาจจะถึงตายได้ พิษของมันส่งผลต่อระบบประสาท อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับคนเดินป่าที่อาจทำให้เสียชีวิตได้ มักจะเกิดจากการโดนแมลงเล็ก ๆ กัด เช่น แมงป่อง แมงมุม ไม่ใช่เพราะเสือจากัวร์ เพราะงูอนาคอนด้า หรือเพราะสัตว์ชนิดอื่น ๆ ที่คนชอบจินตนาการกัน

สาเหตุที่มดชนิดนี้ถูกเรียกว่ามดกระสุน เพราะกัดแล้วเจ็บเหมือนถูกยิงด้วยกระสุน บางทีเรียกว่ามด 24 ชั่วโมง เพราะถ้าถูกกัดจะเจ็บนานถึง 24 ชั่วโมง แต่ก็มีชนเผ่าพื้นเมืองบางเผ่าที่อยู่ลึกเข้าไป จะมีพิธีกรรมเต้นรำโดยที่มีมดนี้อยู่ในมือ ในบางภาพถ่ายจะเห็นคนถือตะกร้าที่มีมดนี้อยู่ข้างใน และเต้นรำให้ครบ 24 ชั่วโมง โดยมีความเชื่อว่าหากเต้นรำไปด้วยจะทำให้ความเจ็บบรรเทาลง และยังเป็นการพิสูจน์ว่าเป็นลูกผู้ชายเต็มตัว สามารถแต่งงานหรือเป็นผู้นำนักรบในเผ่าได้

แต่ในทางกลับกัน ประโยชน์ของมดและแมลงในป่าแอมะซอนนี้ นอกจากจะช่วยแพร่พันธุ์ไม้ดอกแล้ว ยังช่วยย่อยสลายซากสัตว์ต่าง ๆ อย่างมดที่เห็นว่ามีพิษ อีกมุมหนึ่ง มูลของมดก็มีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของต้นไม้ และตัวมดเองก็ยังช่วยกำจัดสิ่งสกปรกบนต้นไม้ และบนตัวสัตว์อีกด้วย

งูอนาคอนด้า




สัตว์ชื่อดังอย่างงูอนาคอนด้าถูกจัดเป็นงูที่มีความใหญ่มากที่สุดในโลก บางตัวอาจยาวถึง 8 เมตร และหนักมากถึง 200 กิโลกรัม สามารถพบได้ทั่วไปในผืนป่า รวมทั้งบริเวณแม่น้ำ ถ้ามันได้กินสัตว์ที่มีขนาดเท่าคนเข้าไป จะทำให้อิ่มนานไปถึง 6 เดือนเลยทีเดียว

ยังมีงูอีกชนิดหนึ่งที่แม้จะมีขนาดตัวเทียบเท่ากับงูทั่ว ๆ ไป แต่ความร้ายกาจของมันจัดว่าอยู่ในระดับรุนแรงมาก นั่นก็คือ "งูแม่ยาย" หรือ Mother - in - low Snake หากโดนมันกัด เนื้อจะเปื่อยและหลุดออกมาเป็นชิ้น ๆ คนท้องถิ่นเรียกว่างูแม่ยายเพราะมันชอบลอบกัดจากด้านหลัง

และนอกจากนี้แล้ว ก็ยังมีงูอีกหลากหลายสายพันธุ์ เช่น งูเหลือมต้นไม้ ที่มีพลังในการกัดที่รุนแรง และสามารถรัดเหยื่อที่มีขนาดใหญ่จนกระดูกแตกได้ภายในเวลาไม่กี่นาที รวมทั้งอสรพิษอีกมากมายที่พร้อมจะโจมตีเราทุกเมื่อ หากเข้าไปใกล้รัศมีของมัน ซึ่งสามารถพบได้ทั่วทุกแห่งในแอมะซอน

และเนื่องจากการที่ป่าแอมะซอนมีสายพันธุ์งูอยู่เยอะแยะมากมาย จึงทำให้เมืองมาเนาส์ที่อยู่ติดกับป่าแอมะซอนแห่งนี้ มีแหล่งวิจัยพิษงูที่ใหญ่ที่สุดในโลกตั้งอยู่ด้วย

ความเลื่องลือในความลึกลับและอันตรายของป่าแอมะซอน รวมทั้งความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศน์ที่นี่ จึงทำให้มีนักผจญภัยจากทั่วโลกเดินทางมาสัมผัสผืนป่าแอมะซอนแห่งนี้กันอย่างมากมายโดยต้องมีการจ้างไกด์ท้องถิ่นนำทางไปด้วยเพื่อความปลอดภัย นอกจากนักท่องเที่ยวแล้ว ก็ยังมีนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยมากมายที่เดินทางมาศึกษาเรื่องของระบบนิเวศน์ที่นี่ ทั้งในเรื่องยา พืช การถ่ายทำสารคดี รวมถึงรายการโทรทัศน์ที่เกี่ยวกับธรรมชาติในป่าแอมะซอน


นักวิทยาศาสตร์จะค้นหาแมลงที่สามารถทำให้ป่วย พืชที่ทำให้เกิดอากาแพ้ ฟืนที่ใช้ทำเป็นยา รวมถึงพืชที่ใช้ในการทำเครื่องสำอาง มีบริษัททำเครื่องสำอางหลายแห่งจากฝรั่งเศสมาหาน้ำมันหอมระเหยที่ใช้ทำน้ำหอม ทำโคโลญ รวมทั้งค้นหาพืชที่ใช้ทำตัวยา พืชที่ใช้รักษามะเร็งหรือเนื้องอก ดังนั้น งานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์หรือทางด้านชีววิทยาในป่าแอมะซอนจึงเติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ พืชบางชนิดก็ใช้ทำน้ำหอมที่มีราคาสูง เช่นน้ำหอมยี่ห้อชาแนล นัมเบอร์ไฟว์ ก็เป็นน้ำหอมที่มาจากต้นโรสวู้ดซึ่งเติบโตในป่าตามธรรมชาติในแอมะซอน แต่ไม่สามารถตัดต้นไม้ไปได้ เพราะมีกฏห้ามผลิตน้ำมันหอมจากต้นโรสวู้ดในธรรมชาติ ยกเว้นต้นที่มาจากการเพาะปลูกเอง เพราะที่ผ่านมามีการตัดต้นไม้ส่งไปขายที่ฝรั่งเศส ประกอบกับในช่วงนั้นยังไม่มีกฏหมายคุ้มครองธรรมชาติในป่าแอมะซอน ทำให้ต้นไม้ชนิดนี้สูญหายไปอย่างรวดเร็ว

น้ำหอม Chanel No.5

อีกสิ่งหนึ่งซึ่งสำคัญมาก ๆ และจะไม่เอ่ยถึงไม่ได้เลยนั่นก็คือ การเรียนรู้วิธีเอาตัวรอดในป่า หากเดินทางไปโดยไม่มีไกด์ท้องถิ่นผู้มีความเชี่ยวชาญ หรือเป็นผู้ที่มีทักษะในการใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติที่อันตรายแบบนี้แล้ว การจะได้กลับออกมาจากป่าแอมะซอนอย่างปลอดภัยนั้น นับเป็นเรื่องที่ยากมากทีเดียว เพราะในป่าแห่งนี้มีอันตรายรอบตัว แทบทุกสิ่งทุกอย่างในป่านี้สามารถฆ่าคุณได้ทุกเมื่อ ด้วยเพราะเหตุนี้เอง จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมชาวยุโรปที่เข้ามาในป่าแอมะซอนในช่วงแรก ๆ ถึงได้เรียกป่าแห่งนี้ว่า "นรกสีเขียว"

ในทุก ๆ การย่างก้าวของคุณ นอกจากจะต้องระวังภัยจากสัตว์เล็กสัตว์น้อยที่เราอาจไม่ทันได้ระวังอย่างแมลงมีพิษแล้ว ก็จำเป็นที่จะต้องระวังพืชมีพิษต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน ในป่าแอมะซอนมีต้นไม้ชนิดหนึ่ง มีลักษณะคล้ายต้นหวาย มีหนามแหลมคม ชนพื้นเมืองนิยมหักเอาไปทำเป็นลูกดอก เพื่อใช้ในการเป่าล่าสัตว์โดยการใส่ท่อนไม้ไผ่แล้วเป่าเป็นกระสุนเหมือนที่เราเคยเห็นกันในภาพยนตร์หลาย ๆ เรื่อง หากโดนหนามชนิดนี้ตำเข้าไป จะทำให้เดินไม่ได้ไปหลายสัปดาห์ เพราะปลายหนามมีพิษที่ส่งผลให้ประสาทชา

ในเรื่องของปากท้องและอาหารการกินก็เป็นอีกสิ่งสำคัญในการใช้ชีวิตในป่าแห่งนี้ แน่นอนว่าพืชมีพิษที่ไม่สามารถรับประทานได้ย่อมมีอยู่เต็มไปหมด แต่ก็มีพืชอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งหาพบได้ง่ายในป่าแอมะซอน โดยจะตกอยู่ทั่ว ๆ ไปตามพื้นดิน มีขนาดเล็กกว่าลูกมะพร้าว ก็คือผล "บราซิลนัท (Brazil Nut)" ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก คนที่หลงป่าควรมีความรู้เรื่องนี้ไว้ให้มาก เพราะเป็นอาหารที่สามารถประทังชีวิตได้ยาวนานมาก ๆ ภายในหนึ่งผลจะมีเมล็ดอยู่ 12 - 14 เมล็ด หากหลงป่า การกินบราซิลนัททั้งลูกจะช่วยให้มีชีวิตไปได้อีก 5 วัน แต่ก็จำเป็นจะต้องใช้มีดพร้าในการตัด ถ้าไม่มีมีดก็จะไม่มีทางเปิดออกได้ สัตว์ที่สามารถเปิดเจ้าลูกนี้ได้คือตัวโรลเด้น หน้าตาคล้าย ๆ กระต่าย มันจะใช้ฟันแหลมคมแทะรอบ ๆ

ผลบราซิลนัทมีโปรตีนสูงมาก ทานสองเมล็ดจะให้คุณค่าเท่ากับถั่วหนึ่งจาน นอกจากนี้ยังสามารถช่วยป้องกันมะเร็งและเนื้องอกได้ด้วย

ผลบราซิลนัท

หากต้องการดื่มน้ำ ในป่าแอมะซอนก็มีเถาวัลย์บางชนิดที่ตัดออกมาแล้วกินน้ำได้ หรือจะอาศัยการสังเกตมอสจากต้นไม้บางต้น ต้นไม้บางต้นจะมีมอสขึ้นอยู่รอบด้านเพราะป่าแอมะซอนมีแสงแดดส่องลงมาไม่ถึง ต่างกับป่าทั่ว ๆ ไปในยุโรปซึ่งเป็นป่าโปร่ง ในป่าโปร่ง มอสจะขึ้นแค่ด้านเดียว เพราะแสงแดดจะส่องทะลุมาเป็นด้าน ๆ ของต้นไม้ หากเจอต้นไม้ที่มีมอสขึ้นอยู่รอบด้าน จะเป็นจุดที่สามารถหาน้ำดื่มได้ โดยจะต้องบีบเอาน้ำที่อยู่ในมอสออกมา แต่จะได้น้ำที่ยังไม่สะอาดดีนัก ต้องรอให้ตกตะกอน หรือใช้เสื้อกรอง ก็จะเป็นน้ำที่สามารถดื่มได้

นักเดินทางใช้วิธีดื่มน้ำจากเถาวัลย์

และหากเวลาจำเป็นที่จะต้องพักค้างแรมหรือสร้างที่อยู่อาศัยชั่วคราวแบบง่าย ๆ ในป่าแอมะซอนนี้ก็มีต้นไม้ชนิดหนึ่ง เรียกว่าต้นอำเบ ซึ่งพบได้เยอะมากในป่าแอมะซอน ลักษณะคล้ายต้นตาล แต่ขึ้นเป็นพุ่มอยู่บนพื้น ใบเหมือนต้นปาล์มแต่มีขนาดใหญ่มาก คนในแถบนี้นิยมเอาใบอ่อน ๆ มาสร้างบ้านกัน โดยการนำก้านของมันมาเขย่า ใบไม้ที่อยู่ในก้านจะค่อย ๆ คลี่ออกมา สามารถนำมาสานคล้าย ๆ ใบจากได้ และยังสามารถนำมาสร้างเป็นเพิงสำหรับพักอาศัยชั่วคราวอย่างง่าย ๆ ได้อีกด้วย


และในขณะพักผ่อนหรือเดินป่า หากต้องการกันแมลงในป่า ให้นำมือไปแตะที่รังมดดำ เมื่อมดไต่ขึ้นมาบนมือก็ให้ขยี้และถูให้ทั่วมือ กลิ่นฟีโรโมนของมดที่ติดอยู่ที่มือจะสามารถช่วยป้องกันแมลงได้ แต่ก็ต้องดูให้แน่ใจว่านั่นไม่ใช่รังมดที่สามารถทำอันตรายแก่เราได้ด้วย

ใบโคโคโลบ้า (Coccoloba)
ต้นไม้แปลกแห่งแอมะซอนที่มีขนาดใบไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ป่าแอมะซอนอาจจะไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่หลาย ๆ คนจินตนาการ หรือเหมือนภาพยนตร์ต่าง ๆ ที่มีออกมาให้รับชมกัน หากมองอีกนัยหนึ่ง การเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตและเอาตัวรอดในป่าแอมะซอนก็เป็นการช่วยให้เรารู้จักที่จะระมัดระวังกับสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราในแอมะซอน ซึ่งบางอย่างก็สามารถทำอันตรายกับเราได้ตลอดเวลา หรือหากมองให้เกิดประโยชน์อีกทาง ความอุดมสมบูรณ์อย่างสูงสุดของระบบนิเวศน์ในป่าแอมะซอนนี้ก็ทำให้เราได้เรียนรู้ในเรื่องของเครือข่ายธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตมากมาย และจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่การศึกษาของคนรุ่นหลัง รวมทั้งช่วยให้มนุษย์และธรรมชาติรู้จักการอยู่ร่วมกันแบบพึ่งพาอาศัย แม้แอมะซอนจะไม่ได้เป็นพื้นที่ความเจริญ แต่มันก็เป็นป่าดิบชื้นอันยิ่งใหญ่ที่สมบูรณ์แบบอย่างที่มันควรจะเป็น

และหากจะกล่าวถึง "แอมะซอน" หรือ Danger Zone ในอีกโลกซึ่งเป็นโลกของฮันเตอร์ x ฮันเตอร์นั้น หากได้อ่านเรื่องป่าดิบชื้นแอมะซอนข้างต้นมาอย่างดีก็จะช่วยให้เข้าใจได้ไม่ยากว่า แอมะซอนในโลกของเรา ก็เปรียบคล้ายกับ "ทวีปมืด" ในโลกของฮันเตอร์ x ฮันเตอร์นั่นเอง


ทวีปมืดหรือ Dark Continent หรือเรียกได้อีกชื่อว่าเป็น "โลกใหม่" , "โลกภายนอก" เป็นทวีปใหญ่ที่ล้อมรอบโลกมนุษย์ มีมหาสมุทรมอเบียส (Mobius) เป็นมหาสมุทรใหญ่ที่กั้นเขตแดนระหว่างโลกมนุษย์และทวีปมืด และในทวีปมืดนั้นมีทรัพยากรล้ำค่าต่าง ๆ มากมาย รวมถึงสัตว์และพืชพรรณแปลก ๆ แต่ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยอันตรายรอบตัวทั้งแบบสัมผัสได้ และทั้งแบบที่แอบแฝงอยู่นับไม่ถ้วน

การเดินทางไปยังทวีปมืดเมื่อ 300 ปีก่อน ได้มีการก่อตั้งกลุ่ม V5 เพื่อคอยเฝ้าดูการเดินทางในครั้งต่อ ๆ มา แต่ก่อนหน้าที่จะมีการตั้งกลุ่ม V5 นั้น ก็ได้มีนักเดินทางที่ได้เขียนบันทึกการเดินทางของเขาไปยังทวีปมืดครั้งแรก โดยนักเดินทางคนนั้นก็คือ ดอน ฟรีคส์ ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของ จิน ฟรีคส์

ภายในเวลา 300 ปีที่กลุ่ม V5 ได้ถูกก่อตั้งขึ้นมา ปรากฏว่ามีการเดินทางไปยังทวีปมืดที่ถูกบันทึกโดย V5 ทั้งสิ้น 149 ครั้ง โดยอ้างอิงจากบันทึกของดอน ฟรีคส์ เพื่อหาแหล่งทรัพยากรณ์ตามที่่มีบันทึกไว้ และภายใน 149 ครั้ง มีเพียง 5 ครั้งเท่านั้นที่มีผู้รอดชีวิตกลับมา และมีเพียง 3 คนเท่านั้น ที่สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ คือ เนเทโล่ , บียอนด์ และอีกหนึ่งคนซึ่งไม่มีการเปิดเผย โดยการกลับมาของการเดินทางทั้ง 5 ครั้ง ก็ได้มีการนำหายนะทั้ง 5 กลับมายังโลกมนุษย์ด้วย

นอกเหนือจากการบันทึกของ V5 มีการเดินทางไปยังทวีปมืดอีกครั้งหนึ่งโดยกลุ่มของ ไอแซ็ค เนเทโล่ , ซีค โซลดิ๊ก และ ลินเน็ต ออโดเบิ้ล แต่ไม่มีการระบุว่าได้นำอะไรกลับมายังโลกมนุษย์

กลุ่มเดินทางของไอแซ็ค เนเทโล่ นอกเหนือจากการบันทึกของ V5

หายนะทั้ง 5 แห่งทวีปมืด

ในการเดินทางทั้ง 5 ครั้งที่มีผู้รอดชีวิตกลับมา โดยได้มีการนำหายนะทั้ง 5 มายังโลกมนุษย์ ซึ่งประกอบไปด้วย

1. ไอ



มีรูปร่างเหมือนแก๊ซ ไม่มีตัวตนที่แน่นอน เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ด้วยการพึ่งพาความปรารถนาคล้ายกับนานิกะ ที่ทำให้ความปรารถนาของคนเป็นจริง แต่ก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนที่ร้ายแรงตามมา เหยื่อของไอจะมีลักษณะศพที่บิดเกลียวเหมือนเชือก

2. อาวุธบริออน



ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลที่ชัดเจน แต่สภาพศพของคนที่ถูกสันนิษฐานว่าเป็นฝีมือของบริออนบางศพก็สยดสยองแทบไม่มีชิ้นดี

3. ปาปู



เป็นอีกหนึ่งภัยพิบัติที่ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลที่ชัดเจน แต่ดูจากคำอธิบายในภาพ (ตามมังงะเล่มที่ 33) อธิบายไว้เพียงว่าเป็นสัตว์ประหลาดที่มีชีวิตอยู่ด้วยการเลี้ยงมนุษย์ อาจมีการล่อลวงมนุษย์ไปกินเป็นอาหารเพื่อเพิ่มพลังบางอย่างให้กับตัวเอง ศพของมนุษย์ที่ถูกปาปูเล่นงานอาจมีลักษณะตามภาพ

4. งูสองหางเฮลเบล



ยังไม่มีข้อมูลชัดเจน แต่ความอันตรายก็จัดอยู่ในแร็งค์ที่สูงกว่าคิเมร่าแอ๊นท์จนไม่สามารถรับมือได้

5. โรคอมตะโซบาเอ


กลุ่มของบิยอนด์เป็นกลุ่มที่นำโรคอมตะโซบาเอกลับมายังโลกมนุษย์ ยังไม่มีข้อมูลที่อธิบายชัดเจน มีเพียงในมังงะเล่มที่ 33 ที่เขียนบอกไว้ว่าเป็นการล่อลวงด้วยความหวังและความสิ้นหวังของมนุษย์ ยังไม่มีบอกว่าเป็นความอมตะในรูปแบบไหน ตอนนี้มีการกักกันไว้ได้ ปัจจุบันมีการพบเหยื่อของหายนะทั้ง 5 เพียงแค่ 2 ชนิด คือไอกับปาปู ตามคำบอกเล่าของจิน

ในการเดินทางทั้ง 5 ครั้ง นอกจากหายนะทั้ง 5 แล้ว ยังมีบันทึกการค้นพบแร่และพืชแปลกประหลาดต่าง ๆ ในทวีปมืดดังนี้


- หินแร่ที่เมื่ออยู่ใต้น้ำ จะสามารถผลิตกระแสไฟได้สูงถึง 20,000 กิกะวัตต์ต่อวัน แต่แหล่งของหินเป็นรังของปาปู จำนวนคน 1,000 คนที่เข้าไปมีรอดกลับมาเพียง 7 คน

- เมืองวงกตที่ในป่าโดยรอบมีสนุนไพรที่รักษาได้ทุกโรค แต่กองกำลังพิเศษที่ส่งเข้าไปเหลือรอดกลับมาแค่ 2 คน

- ข้าวไนโตรที่คนกินจะมีอายุยืน แต่คนที่เดินทางไปก็เป็นเหยื่อของงูสองหางเฮลเบล มีรอดกลับมาแค่ 11 คนเท่านั้น

- สาธารณรัฐมินโปว่าจ้างสมาคมฮันเตอร์ให้ไปหาแหล่งน้ำในทวีปมืด แต่บังเอิญไปเจอเข้ากับไอ ทำให้มีผู้รอดชีวิตกลับมาเพียง 3 คน และกลายเป็นคนเสียสติ

- อาณาจักรอาคันยุที่จ้างให้ฮันเตอร์ไปเอาพืชกลับมา แต่เดินทางออกนอกเส้นทางทำให้ติดโรคโซบาเอ มีผู้รอดชีวิตกลับมาเพียง 6 คนเท่านั้น


จะเห็นได้ว่าความอันตรายของทั้งสองสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นป่าแอมะซอนในโลกมนุษย์ หรือทวีปมืดในโลกฮันเตอร์ ต่างก็เป็นสถานที่ที่ลึกลับ อันตราย และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีทักษะในการเอาชีวิตรอด รวมถึงมีพืชพรรณและสัตว์แปลก ๆ อยู่มากมาย ในความเป็นจริงแล้ว หากจะเดินทางไปยังแอมะซอน ก็ยังสามารถติดต่อไกด์ท้องถิ่นเพื่อให้คำแนะนำ ช่วยระวังอันตรายขณะอยู่ในป่าได้ แต่ในทวีปมืดนั้น ไม่มีสิ่งใดมาการันตีว่าคุณจะมีชีวิตรอดกลับมาได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้น หากจะยกทั้งสองสถานที่นี้มาเปรียบเทียบกัน มันจึงมีความคล้ายคลึง และมีกลิ่นไอที่เหมือนกันอยู่พอสมควร เพราะทั้งสองที่ต่างก็เป็นที่สุดในเรื่องของพื้นที่อันตรายหรือ Danger Zone ที่มีการบันทึกไว้

และหากเรื่องราวของเรื่องฮันเตอร์ x ฮันเตอร์ มีการดำเนินไปจนถึงเรื่องราวในทวีปมืดอย่างเต็มตัว คิดว่าคงจะมีข้อมูลอะไรที่น่าสนใจอีกหลาย ๆ อย่าง ทั้งที่ถูกพูดถึงแต่ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลมาก รวมทั้งสิ่งใหม่ ๆ อีกมากมายที่จะต้องพบเจอในทวีปมืดด้วย แม้ว่าข้อมูลเรื่องทวีปมืดในตอนนี้ยังจัดว่ามีอยู่น้อย จึงทำให้ข้อมูลของแอมะซอนเยอะกว่ามาก แต่หากถึงเวลาของตอนทวีปมืดเมื่อไหร่ ก็คงจะได้นำเรื่องราวของทวีปมืดมาเขียนเปรียบเทียบกับป่าแอมะซอนสุดโหดให้ได้อ่านกันแบบนี้อีกแน่นอนค่ะ



Special Thanks :
ขอบคุณข้อมูลดี ๆ เรื่องป่าแอมะซอนจาก Life Explorer , เถื่อนเจ็ด และคุณวรรณสิงห์ ประเสริฐกุล
และขอบคุณข้อมูลทวีปมืด รวมทั้งการวิเคราะห์สนุก ๆ จากกระทู้ Pantip และคุณ Aya+EVE ค่ะ

อากิ

วันอาทิตย์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

[HxH] สล็อต แมชชีน ตู้เสี่ยงโชคยอดนิยมแห่งกาสิโน

หากจะกล่าวถึงเกมยอดนิยมในการ์ตูนเรื่อง ฮันเตอร์ x ฮันเตอร์ แน่นอนว่าแฟน ๆ ที่ติดตามการ์ตูนเรื่องนี้มาอย่างเหนียวแน่นจะต้องนึกถึงเกม "กรีด ไอร์แลนด์" และในเกมกรีด ไอร์แลนด์นั้น ก็ยังมี "เกมที่อยู่ในเกม" อีกเยอะแยะมากมาย โดยหนึ่งในเกมที่ปรากฏในเรื่องที่จะนำมากล่าวถึงกันก็คือ "เกมสล็อต แมชชีน"

ภาพจาก HxH ภาค G.I. Final ปี 1999 ตอนที่ 3

เกมสล็อต แมชชีนได้เข้ามามีบทบาทในเกมกรีด ไอร์แลนด์ ครั้งแรกในหนังสือการ์ตูนฮันเตอร์ x ฮันเตอร์ เล่มที่ 15 ซึ่งเป็นตอนที่กอร์น คิรัวร์ และบิสเก็ต ต้องการรวบรวมการ์ดในพ็อกเก็ตจำกัดให้ครบ และอีกหนึ่งวิธีการที่จะได้เป็นเจ้าของการ์ดหายาก หรือการ์ดพ็อกเก็ตจำกัดนี้ ก็คือการเสี่ยงโชคจากเกมตู้สล็อต แมชชีนนั่นเอง โดยกติกามีอยู่ว่า ถ้าอยากจะได้การ์ดเด็ด ๆ ก็ต้องเล่นสล็อตให้ได้เลข 7 สามตัวจึงจะชนะ และจะมีการ์ดหายากออกมา ซึ่งคิรัวร์ก็ได้การ์ดพ็อกเก็ตจำกัดหมายเลข 79 "เรนโบว์ ไดมอนด์" จากการเสี่ยงโชคกับตู้สล็อตครั้งนี้ด้วยเช่นกัน

คิรัวร์ผู้กำลังจริงจังกับการปั่นสล็อต จาก HxH ปี 2011 ตอนที่ 66

ซึ่งในโลกแห่งความเป็นจริงของเรานั้น เกมสล็อต แมชชีน จัดเป็นตู้เกมที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงจากทั่วทุกมุมโลก จนได้รับการขนานนามว่าเป็น "เกมแห่งการกอบโกยรายได้เข้าสู่คาสิโน" กันเลยทีเดียว

เครื่องเล่นสล็อต หรือ สล็อต แมชชีน (Slot Machine) ประดิษฐ์ขึ้นในปี ค.ศ. 1887 โดย ชาร์ล เฟย์ วิศวกรชาวเยอรมัน ซึ่ง ณ ขณะนั้น ตู้สล็อต แมชชีน เป็นที่รู้จักกันในชื่อ "Liberty Bell" หรือ "ระฆังแห่งเสรีภาพ" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการประกาศอิสรภาพในอเมริกา โดยสัญลักษณ์ต่าง ๆ ในการเล่นเกมสล็อตยุคแรก ๆ นั้น เป็นภาพเพชร, ระฆัง, โพดำ, หัวใจ และเกือกม้า ในระยะแรก ตู้สล็อต แมชชีน ถูกติดตั้งไว้ให้เล่นตามสถานบันเทิงต่าง ๆ เช่น ร้านอาหาร ร้านทำผม หรือลานโยนโบว์ลิ่ง และต่อมาก็ได้กลายเป็นเครื่องเล่นเกมที่โด่งดัง ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงจนคาสิโนหลายแห่งยอมจ่ายเงินเพื่อเช่าตู้สล็อต แมชชีน และในเวลาต่อมาก็ได้พัฒนาเป็นอุตสาหกรรมเกมคาสิโน เปลี่ยนรูปแบบมาเป็นการซื้อขายอุปกรณ์สล็อต เพราะส่วนแบ่งทางการตลาดดีกว่า และได้กำไรมากกว่า จนกระทั่งในเวลาต่อมา เกมสล็อต แมชชีน ก็ได้กลายมาเป็นเกมที่ได้รับความนิยมสูงสุดในคาสิโนทั้งในฝั่งอเมริกาและในฝั่งยุโรป รายได้กว่า 70% ของคาสิโนในอเมริกามาจากเครื่องเล่นสล็อต เพราะตัวเกมถูกออกแบบมาให้เล่นง่าย กติกาไม่ซับซ้อน เพียงแค่หยอดเหรียญและเสี่ยงดวง จึงทำให้เป็นที่นิยมของคนทุกเพศทุกวัย

Liberty Bell หรือ เครื่องสล็อต แมชชีน ในยุคแรก

ต่อมาในปีค.ศ. 1908 เครื่องสล็อต แมชชีน ได้ถูกเปลี่ยนสัญลักษณ์จากเดิมเป็นรูปผลไม้ เพื่อให้มีสีสันสวยงามสะดุดตาและดึงดูดความสนใจจากผู้เล่นได้มากขึ้น โดยรูปผลไม้ที่ใช้ ได้แก่ เชอร์รี่, เลมอน, ลูกพลัม และรูปแท่งหมากฝรั่ง โดยทั้งหมดถูกเรียกว่า "บาร์ (Bar)" และได้กลายมาเป็นรูปแบบที่ใช้จนปัจจุบัน

เครื่องสล็อต แมชชีน ในยุคถัดมา

สล็อต แมชชีน เป็นเครื่องเล่นที่มีวงล้อหมุนเสี่ยงทายสามแถวขึ้นไป ซึ่งจะมีคันโยกแบบอนาล็อกเพื่อโยกให้วงล้อทั้งหมดหมุนและหยุดโดยการสุ่ม ซึ่งเครื่องสล็อต แมชชีน รุ่นใหม่ ๆ นิยมใช้ปุ่มกดดิจิตอล แทนคันโยกแบบอนาล็อกในยุคก่อน โดยกฎกติกาการเล่นและเงินรางวัลจากการเล่นจะแตกต่างกันเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับตู้เกมนั้น ๆ แต่โดยทั่วไปก็คือเป็นรูปแบบของการจ่ายเงินเพื่อเล่น เงินที่จ่ายไปจะต้องหยอดลงเครื่องสล็อต แมชชีน เป็นการจ่ายการเสี่ยงโชค หากชนะ ตู้ก็จะจ่ายเงินรางวัลกลับคืนมาให้เช่นกัน ซึ่งจะต่างกับตู้เกมทั่ว ๆ ไป ที่จ่ายเงินเพื่อความสนุกเพียงอย่างเดียว และในแต่ละท้องที่ แต่ละประเทศ ก็จะมีชื่อเรียกเกมสล็อต แมชชีนที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วย เช่น ในประเทศอังกฤษ เรียกว่า "ฟรุ๊ต แมชชีน (Fruit Machine)" เนื่องจากนิยมใช้รูปผลไม้ในการเล่น, สก็อตแลนด์เรียกว่า "ปั๊กกี้ (Puggy)", แคนาดาเรียกว่า "เดอะ สล็อต (The Slot)", ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เรียกว่า "โป๊กเกอร์ แมชชีน (Poker Machine)" หรือ "โป๊กกี้ (Pokies)"


สล็อต แมชชีนจัดเป็นเครื่องเล่นที่เปลี่ยนชีวิตของนักเสี่ยงโชคให้ก้าวสูงขึ้นมามากมาย บางคนถึงกับเรียกเกมสล็อตว่า "เกมแห่งเทพเจ้า" เพราะมันเป็นเกมที่สามารถเปลี่ยนชีวิตคนธรรมดา ให้กลายเป็นเศรษฐีได้ในชั่วพริบตา โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลต่าง ๆ ที่นิยมจัดโปรโมชั่น หรือเงินรางวัลจากการเล่นสล็อตมากมาย ช่วงเทศกาลจึงเป็นช่วงที่นักเสี่ยงโชคจำนวนมากต่างพากันมาเล่นสล็อตกันอย่างเอาจริงเอาจังด้วยความหวังจะได้เงินรางงวัลจากตู้สล็อต สำหรับใครที่เข้าไปแล้วไม่เหลือตู้สล็อตให้ว่างเล่น ก็ยังคงไม่ยอมออกไปไหน และยืนดูนักเสี่ยงโชคคนอื่น ๆ เล่นเพื่อเป็นการผ่อนคลาย และรอตู้สล็อตว่างไปในตัว จึงพูดได้ว่าสล็อต แมชชีน เป็นเกมแม่เหล็กชั้นดีที่คอยดึงดูดคนให้เข้าสู่คาสิโนนั่นเอง


ในปัจจุบัน เกมสล็อต แมชชีนถูกพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นแบบตู้ดั้งเดิม หรือแบบออนไลน์ ซึ่งถ้าหากว่าการควักเงินจ่าย เพื่อเป็นการเสี่ยงโชครับเงินรางวัลจากตู้สล็อตนั้นถือเป็นความคุ้มค่าจริง ๆ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ได้รับความนิยมจากผู้คนทั่วโลกเป็นอย่างมาก รวมไปถึงในเกมกรีด ไอร์แลนด์ ที่ปรากฏในเรื่อง ฮันเตอร์ x ฮันเตอร์ด้วย เห็นแบบนี้แล้ว หลาย ๆ คนก็คงอยากจะลองเข้าไปในเกมกรีด ไอร์แลนด์ และทอยริสกี้ ไดซ์ หรือลูกเต๋าเสี่ยงโชค เพื่อบอกโชคในการเล่นสล็อต และเก็บการ์ดหายากจากตู้นี้เหมือนคิรัวร์กันแน่นอนค่ะ

ลุ้นระทึกกับตอง 7 จะได้การ์ดพ็อกเก็ตจำกัดหรือไม่!!!

อากิ