วันอาทิตย์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2560

[HxH] ลูซิเฟอร์ บุรุษแห่งรัตติกาล

สำหรับใครที่ติดตามการ์ตูนเรื่อง Hunter x Hunter มาอย่างต่อเนื่อง ยามเมื่อมีคนพูดถึง ปิศาจ "ลูซิเฟอร์" หรือลัทธิต่อต้านพระเจ้าซึ่งมีสัญลักษณ์เป็น "ไม้กางเขนกลับหัว" แน่นอนว่าจะต้องนึกถึงตัวละครผู้เป็นดาวร้ายยอดนิยมในเรื่องอีกหนึ่งคน ซึ่งก็คือ หัวหน้ากองโจรเงามายา "คุโรโร่ ลูซิเฟอร์"
บทความนี้ เราจะมาเรียนรู้ถึงเรื่องราวที่ชวนให้คิด ว่าตกลงแล้ว บุรุษกางเขนกลับหัวผู้นี้ แต่เดิมแล้วเขาต้องการเป็นผู้ร้ายจริงหรือไม่ นามสกุล "ลูซิเฟอร์" เกี่ยวข้องอะไรกับคุโรโร่ ทำไมจึงต้องเป็นนามสกุลนี้ และสัญลักษณ์ไม้กางเขนกลับหัว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของคุโรโร่ มีความหมายแบบไหนในโลกของเรากันแน่ 


คุโรโร่ ลูซิเฟอร์ หรือที่สมาชิกในกลุ่มกองโจรเงามายาเรียกกันว่า หัวหน้า
ชายหนุ่มผู้ฉลาดหลักแหลม สุขุม รอบคอบ ฝีมือร้ายกาจ และเก่งในเรื่องของจิตวิทยาการอ่านใจมนุษย์เป็นที่สุด เกิดและเติบโตในนครดาวตก ซึ่งเป็นสถานที่ที่ไม่มีใครสนใจ เป็นสถานที่ผู้คนสามารถนำทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกมาทิ้งไว้ที่นี่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเศษขยะ หรือแม้กระทั่งเด็กทารก ถ้าให้เปรียบเทียบกับโลกของเรา ก็คงเปรียบเสมือนกับประเทศในโลกที่สาม ที่ขาดแคลนในเรื่องต่างๆ และไร้ความช่วยเหลือ ไร้ความเหลียวแล ขาดโอกาสใดๆ ที่จะหยิบยื่นเข้าไป ณ สถานที่แห่งนั้น

ตามเนื้อเรื่องฮันเตอร์ x ฮันเตอร์ ทางอ. โทงาชิ ผู้แต่ง ไม่ได้กล่าวถึงครอบครัวของคุโรโร่เลยแม้แต่น้อย และนามสกุล "ลูซิเฟอร์" นี้ จึงสามารถตีความไปได้ว่า เป็นนามสกุลที่เจ้าตัวตั้งขึ้นมาเองเพื่อบ่งบอกตัวตนของเขา ที่หันหลังให้กับทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก และมองมนุษย์เป็นเพียงก้อนสสารที่มีชีวิต หรือพูดอีกนัยก็คือ ไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ แบบมนุษย์แล้วนั่นเอง

ซึ่ง "ลูซิเฟอร์" นั้น หลายๆ คนคงเคยได้ยินและคุ้นหูเป็นอย่างดีในเรื่องของจอมมารแห่งปีศาจที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในศาสนาคริสต์

ภาพวาด "ลูซิเฟอร์" โดยจิตรกรชาวต่างชาติ

ลูซีเฟอร์ (Lucifer) มาจากภาษาละติน แปลว่า แสงสว่างของพระเจ้า (ในภาษาละตินออกเสียงว่า ลูชีแฟร์) ในอดีตเคยเป็นหนึ่งในเจ็ดของอัครเทวดาที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา โดยอัครเทวดาที่เรามักจะคุ้นชื่อกันนั้น ประกอบไปด้วย อัครเทวดามีคาแอล (หรือไมเคิล แปลว่า ฤทธิ์กำลังของพระเจ้า), อัครเทวดาราฟาแอล (แปลว่า โอสถของพระเจ้า) และอัครเทวดาคาเบรียล (แปลว่า ผู้นำสารพิเศษของพระเจ้า) ซึ่งอัครเทวดาเหล่านี้ ถือเป็นเทวดาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสวรรค์ แต่ด้วยความหลงในอำนาจ คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่เหนือผู้ใด จึงทำให้ลูซิเฟอร์คิดก่อการกบฏต่อพระเจ้า จนสุดท้ายก็ถูกลงโทษให้ตกจากสวรรค์ และกลายมาเป็นปีศาจในที่สุด

เมื่อลูซิเฟอร์ได้พ่ายแพ้และถูกลงโทษ ก็ได้หันมาทำตามความต้องการของตัวเองอีกครั้ง นั่นก็คือ ทำลายล้างโลกมนุษย์ โดยการเข้าไปครอบงำจิตใจของมนุษย์อย่างช้าๆ ชักจูงและครอบงำจิตใจของมนุษย์ด้วยกิเลส ตัณหา ความอิจฉา ความโลภ ที่มีอยู่ในจิตใต้สำนึกของมนุษย์แต่ละคน ว่ากันว่าจิตใจของมนุษย์มีสองด้าน นอกจากด้านที่ขาวสะอาดบริสุทธิ์ ก็ยังมีอีกด้านของจิตใจที่มีสีดำสนิท นั่นก็คือด้านที่ดีและด้านที่เลวร้ายของมนุษย์นั่นเอง เมื่อถึงเวลา จิตใจของมนุษย์ที่เคยขาวสะอาด ก็จะถูกแปรเปลี่ยนเป็นสีดำมืดที่ถูกแทนที่เข้ามาด้วยบาป ความเกลียดชัง และตัณหาทั้งปวง อำนาจที่ไม่ธรรมดาของลูซิเฟอร์สามารถเข้าครอบงำจิตใจมนุษย์ด้วยบาปนานัปการ หากจิตใจคนผู้นั้นไม่บริสุทธิ์หรือเข้มแข็งพอ ก็อาจจะพ่ายแพ้ให้แก่อำนาจแห่งความมืดของมันอย่างไม่รู้ตัว

ลูซิเฟอร์ถูกพระเจ้าขับไล่จากสรวงสวรรค์

ในทุกวันนี้ ได้เกิดลัทธิใหม่ที่ยกให้ลูซิเฟอร์เป็นพระเจ้าเหนือสรรพสิ่ง และเรียกชื่อของตัวเองว่า "ลูซิเฟอเรี่ยน (Luciferains)" โดนผู้นำของลูซิเฟอเรี่ยน มีความเชื่อคล้ายกับลัทธิบูชาปีศาจหรือซาตานว่า ลูซิเฟอร์เป็นพระเจ้าผู้ถูกเลือก ซึ่งภายหลังได้กลายมาเป็นลัทธินอกรีต และกระจัดกระจายออกไปยังที่ต่างๆ คนบางกลุ่มก็หันมาพึ่งยาเสพติด หรือเสียงเพลงที่ใช้ในการกล่อมประสาทของตัวเอง

ส่วนสัญลักษณ์ที่ใช้แทนลูซิเฟอร์ ก็คือไม้กางเขนกลับหัว โดยมีเลขประจำตัวของลูซิเฟอร์หรือเลขแห่งความโชคร้าย คือเลข 666 ซึ่งแตกต่างจากเลขแห่งความโชคดีของพระเยซูที่เป็น 333
นอกจากพวกเขาจะไม่เชื่อในพระเจ้าแล้ว ยังเย้ยหยันหลักคำสอนและการมีอยู่จริงของพระเจ้า เช่นเดียวกับคนอีกหลายล้านคนที่แสวงหาการมีอยู่จริงของพระเจ้าและนับถือในตัวพระองค์ แต่ในเมื่อมีผู้ศรัทธามากเท่าใด ผู้ต่อต้านก็มีมากขึ้นเช่นกัน ซ้ำยังคิดว่าการบูชาซาตานนั้นเป็นการสักการะสิ่งที่มีอยู่จริง สามารถแสวงหาได้ทุกเมื่อ เมื่อลงมือทำสิ่งใดก็ตามที่นำมาซึ่งบาป ไม่ใช่สิ่งลมๆ แล้งๆ จับต้องไม่ได้ เช่นการบูชาพระเจ้า

ในด้านของคุโรโร่นั้น ส่วนตัวเราคิดว่าจิตใจโดยกำเนิดของคุโรโร่เองก็ไม่ใช่คนไม่ดีมาแต่กำเนิด ไม่งั้นฮิโซกะคงไม่บอกว่า "บางครั้ง แก๊งแมงมุมก็ทำเรื่องดีๆ เหมือนกัน" แต่ด้วยความที่คุโรโร่เติบโตมาอย่างไม่มีใครเหลียวแล และยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น ไม่ได้เห็นว่ามนุษย์มีความดีหรือความชั่วร้ายมากกว่ากัน มองเพียงมนุษย์เป็นมวลสสารที่มีชีวิต และเคลื่อนไหวได้ จึงไม่คิดว่าความดีหรือความเลวเป็นสิ่งสำคัญ จึงไม่เชื่อในพระเจ้าแบบที่คนทั่วๆ ไปเชื่อ เขาเลือกที่จะหันหลัง และให้ค่ากับสิ่งที่เห็นว่าจับต้องได้มากกว่า ซึ่งก็ได้กล่าวไปแล้วว่าการบูชาซาตาน ถือเป็นสิ่งที่จับต้องได้ และนำชื่อของลูซิเฟอร์ มาเป็นนามสกุลของตน และใช้สัญลักษณ์ประจำตัวเป็นไม้กางเขนกลับหัว เพื่อที่จะบอกว่า เขาไม่มีความเชื่อใดๆ เกี่ยวกับพระเจ้า และหันหลังให้โดยสิ้นเชิง


สัญลักษณ์ไม้กางเขนกลับหัวนั้นได้ถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ในลัทธิซาตานตั้งแต่สมัยยุคกลาง ซึ่งเป็นยุคที่มนต์ดำเฟื่องฟู ผู้คนเชื่อเรื่องแม่มด หมอผี และปีศาจ เมื่อมีลัทธิหรือศาสนาใดแปลกๆ ที่ถือกำเนิดขึ้นมา และมีหลักคำสอนขัดแย้งกับคำสอนของพระเจ้า ก็จะมีการใช้สัญลักษณ์ไม้กางเขนกลับหัวในลัทธินั้นๆ เพื่อแสดงตนว่าเป็นปรปักษ์กับพระเจ้า หรือเป็นผู้ที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามนั่นเอง โดยความเชื่อนี้ก็ได้เผยแพร่ออกไปอย่างกว้างขวาง จึงทำให้บางคนเข้าใจผิดว่า สัญลักษณ์ไม้กางเขนกลับหัวนั้น คือสัญลักษณ์ของผู้ที่ต่อต้านพระเจ้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ไม้กางเขนกลับหัวจึงมีภาพลักษณ์เชิงลบที่ขัดกับความเชื่อ และเป็นสัญลักษณ์ของปีศาจและซาตาน

สัญลักษณ์ไม้กางเขนกลับหัว

หากแต่ในความเป็นจริงแล้ว สัญลักษณ์ไม้กางเขนกลับหัวนั้นเป็นสัญลักษณ์ของนักบุญเปโตรมาตั้งแต่ก่อน ค.ศ. 500 โดยสมัยนั้นเป็นสมัยกวาดล้างศาสนาคริสต์ ผู้ใดนับถือหรือชักจูงผู้คนให้เข้าสู่ศาสนาจะต้องโทษหนักถึงประหารชีวิต ซึ่งนักบุญเปโตรก็เป็นผู้หนึ่งที่ถูกจับในระหว่าสั่งสอนและเทศนาให้ชาวบ้านกลับใจมานับถือศาสนาริสต์ จึงได้รับการตัดสินโทษด้วยการประหารชีวิตโดยการตรึงกางเขน แต่ท่านไม่อยากตีตนเสมอพระเยซูซึ่งเป็นพระอาจารย์ของท่าน จึงรับสั่งให้เพชรฆาตนำกางเขนของตนกลับหัวลงดิน และสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนนั่นเอง และคนส่วนมากก็คุ้นเคยกับสัญลักษณ์ของท่านที่เป็นกุญแจสองดอกซึ่งหมายถึงกุญแจแห่งสวรรค์ มากกว่าที่จะคุ้นเคยกับไม้กางเขนกลับหัว 

และในบทความนี้ ก็เป็นการวิเคราะห์เชื่อมโยงเล็กๆ น้อยๆ จากนามสกุลและสัญลักษณ์ไม้กางเขนกลับหัวของคุโรโร่ รวมทั้งมีเรื่องราวที่มาของชื่อและสัญลักษณ์ให้ได้อ่านทำความเข้าใจกันด้วย จริงๆ แล้วจะบอกว่าคุโรโร่เป็นตัวละครที่เราให้ความสนใจค่อนข้างน้อย อาจจะมีขาดตกบกพร่อง หรือไม่ถูกใจท่านใดไปบ้าง ก็คงต้องขออภัยด้วย หากใครมีความเห็นใดๆ สามารถร่วมแสดงความคิดเห็นกันได้ทั้งในบล็อกนี้ และในแฟนเพจเฟซบุ๊ค โลกฮันเตอร์ของอากิ (https://www.facebook.com/akihxhworld/) เลยนะคะ ยินดีรับฟังและร่วมแลกเปลี่ยนกันทุกความคิดเห็นค่ะ และสุดท้าย ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนถึงบรรทัดสุดท้ายนี้ค่ะ


อากิ

วันพุธที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2560

[HxH] ยอร์ชินซิตี้ ศูนย์กลางศิลปะในโลกแห่งความเป็นจริง

ฮันเตอร์ x ฮันเตอร์ นับเป็นการ์ตูนอีกเรื่องที่ได้นำสถานที่ต่างๆ บนโลก มาใส่ไว้ในฉากดำเนินเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการนำมาโดยการจำลองสถานที่ หรือการดัดแปลงสถานที่เพื่อให้เหมาะสมกับเหตุการณ์ในเรื่องมากขึ้น ดังเช่นที่มีการเขียนเอาไว้ในบทความก่อนหน้านี้

ในบทความนี้ เราจะพาทุกท่านเดินทางไปยังมหานครอันยิ่งใหญ่ในเรื่องฮันเตอร์ x ฮันเตอร์ มหานครที่รวบรวมเศรษฐี และเป็นศูนย์กลางแห่งเศรษฐกิจและความทันสมัย นั่นก็คือเมืองยอร์กชินซิตี้ค่ะ

ด้วยความที่เมืองยอร์กชินซิตี้ มีลักษณะตามแผนที่ที่ชัดเจนอยู่แล้วตามที่ปรากฏในอนิเมชั่นปี 1999 ตอนที่ 50 ซึ่งเป็นตอนที่กอร์นกับคิรัวร์ตัดสินใจเดินทางไปเพื่อหาเงินมาประมูลตลับเกม กรีด ไอแลนด์ ทำให้ผู้ชมจำนวนไม่น้อยสามารถดูออกว่าเมืองยอร์กชินซิตี้บนแผนที่นั้น จริงๆ แล้ว มันก็คือประเทศอิตาลีนั่นเอง

แผนที่เมืองยอร์กชินซิตี้ จากอนิเมชั่นปี 1999 ตอนที่ 50

ประเทศอิตาลี หรือมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐอิตาลี ตั้งอยู่ในบริเวณทวีปยุโรปตอนใต้ และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน รูปทรงประเทศอิตาลีมีความโดดเด่นตรงที่มีลักษณะคล้ายรองเท้าบูท ทำให้บรรดานักท่องเที่ยวและผู้คนทั่วไปจดจำได้ง่าย อิตาลีเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของสถาปัตยกรรมต่างๆ และสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อระดับโลกมากมาย รวมทั้งยังเป็นประเทศที่มีแหล่งมรดกโลกมากที่สุดในโลกอีกด้วย โดยแบ่งเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม 42 แห่ง และ มรดกโลกทางธรรมชาติอีก 2 แห่ง รวมทั้งสิ้น 44 แห่งด้วยกัน แต่หากเทียบกับประเทศในกลุ่มยุโรปประเทศอื่นแล้ว อิตาลีก็ถือเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีปัญหาอาชญากรรมเยอะมากๆ โดยเฉพาะปัญหาการฉกชิงวิ่งราวในเมืองใหญ่ๆ เช่น โรม มิลาน

ประเทศอิตาลีบนแผนที่โลก จากเว็บไซต์ belleitaly.com

ด้วยความหลากหลายทางด้านศิลปะ สถาปัตยกรรม และความขึ้นชื่อของแหล่งอารยธรรมอันงดงามเก่าแก่แห่งหนึ่งของโลก ในอนิเมชั่นปี 1999 จึงได้มีการปรากฏสถานที่สำคัญ ในเมืองท่องเที่ยวสำคัญของอิตาลีถึง 2 เมืองด้วยกัน นั่นก็คือฟลอเรนซ์ และโรมนั่นเองค่ะ

ฟลอเรนซ์และโรมจากอนิเมชั่นปี 1999 ตอนที่ 50

เมืองฟลอเรนซ์ เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 8 ในอิตาลี เมืองฟลอเรนซ์ในยุคกลาง (ค.ศ. 100 - 1500 หรือปีพ.ศ. 643 - 2043) เป็นศูนย์กลางทางศิลปะ สถาปัตยกรรม การค้า การเงิน รวมถึงเป็นแหล่งกำเนิดของยุคสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา โดยเมืองฟลอเรนซ์ในยุคกลางเป็นที่รู้จักกันในชื่อเอเธนส์ และนอกจากนี้ เขตใจกลางเมืองเก่าของฟลอเรนซ์ ยังได้รับการจดทะเบียนให้เป็นเขตมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 1982 (พ.ศ. 2525) อีกด้วย

ที่ตั้งเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี

สถานที่สำคัญที่ได้ปรากฏในเรื่องอย่างเด่นชัดมากๆ ในตอนที่ 50 นั่นก็คือ ศาสนสถานขนาดใหญ่ มหาวิหารฟลอเรนซ์ (Florence Cathedral)

มหาวิหารฟลอเรนซ์ใน HxH และในสถานที่จริง

มหาวิหารฟลอเรนซ์ เป็นมหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ของยุโรป และใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของอิตาลี รองจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในวาติกัน สร้างขึ้นครั้งแรกในปีค.ศ. 1296 แล้วเสร็จในปีค.ศ. 1463 แต่ภายนอกของโบสถ์นั้น เสร็จสมบูรณ์ในอีก 400 ปีต่อมา จุดเด่นของมหาวิหารแห่งนี้คือโดมสีส้มขนาดใหญ่ ภายนอกเป็นลวดลายหินอ่อน ภายในไม่มีเสา ไม่มีคาน แต่ใช้วิธีวางอิฐซ้อนกัน ซึ่งถือเป็นต้นแบบของการออกแบบที่ยิ่งใหญ่มากๆ ในยุคนั้น
ปัจจุบันทางการฟลอเรนซ์ห้ามไม่ให้มีการสร้างอาคารใดๆ ที่สูงกว่าโดมแห่งนี้ เพื่อเป็นเกียรติแก่ฟิลิปโป บรูนเนลเลสซี สถาปนิกผู้ออกแบบ นอกจากนั้นแล้ว มหาวิหารแห่งนี้ยังเป็นสถานที่สำคัญและศักดิ์สิทธิ์ของเมืองฟลอเรนซ์ และนับว่าเป็นสถานที่ที่สวยงามที่สุดในอิตาลีอีกด้วย ปัจจุบันมหาวิหารฟลอเรนซ์อยู่ภายใต้การดูแลของสังฆมณฑลโรมันคาทอลิกแห่งฟลอเรนซ์

มหาวิหารฟลอเรนซ์ เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี

อีกหนึ่งสถานที่ในเมืองฟลอเรนซ์ ที่ได้ปรากฏอยู่ในเรื่อง นั่นก็คือรูปปั้นเทพเจ้าเนปจูน หรือ Neptune Fountain ณ จัตุรัสซินญอเรีย สถานที่ชุมนุมของชาวเมืองยามมีเหตุการณ์สำคัญ

Neptune Fountain ในเรื่องและในสถานที่จริง

ซึ่งภาพที่ปรากฏในเรื่องฮันเตอร์ x ฮันเตอร์นั้น แม้จะเห็นเพียงด้านหลังและไม่ชัดเจนเท่ากับมหาวิหารฟลอเรนซ์ แต่สำหรับผู้ที่สนใจในเรื่องราวหรือสถานที่สำคัญของอิตาลี โดยเฉพาะเมืองฟลอเรนซ์ ก็คงจะดูออกได้ไม่ยากค่ะ

สำหรับรูปปั้นเทพเจ้าเนปจูนนั้น ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1575 โดยตั้งชื่อตามเทพเจ้าแห่งท้องทะเลของโรมันคือ เนปจูน แต่ผู้มีอำนาจทางการเมืองในสมัยนั้นให้สร้างโดยใส่ใบหน้าของตัวเองเข้าไปแทน โดยมีจุดประสงค์ของการสร้างเพื่อฉลองชัยชนะด้านการเดินเรือของชาวทัสคัน

นอกจากรูปปั้นเทพเจ้าเนปจูนแล้ว จัตุรัสซินญอเรียแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยศิลปะ และสถาปัตยกรรมอันวิจิตรงดงามอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอาคารเก่าแก่ต่างๆ รูปปั้นแกะสลักเดวิดของแท้ที่ตั้งมานานกว่า 3 ศตวรรษ เทพอพอลโล เทพเพอร์ซิอุสถือหัวนางเมดูซ่า เทพเฮอคิวลิส รวมทั้งอนุสาวรีย์โคสิโม่ที่ 1 แห่งฟลอเรนซ์

จัตุรัสซินญอเรียเป็น 1 ใน 3 ของจัตุรัสที่โดดเด่นของอิตาลี กลางลานประดับด้วยน้ำพุเพิ่มความสวยงาม และยังคงเป็นศูนย์กลางของเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยประวัติศาสตร์จนถึงยุคปัจจุบัน

รูปปั้นเทพเนปจูน จตุรัสซินญอเรีย เมืองฟลอเรนซ์

และสถานที่สุดท้ายในบทความนี้ เราจะพาทุกคนลงใต้อีกนิด เพื่อเข้าสู่เขตเมืองหลวงสุดคลาสสิคของประเทศอิตาลี กรุงโรมนั่นเองค่ะ

ที่ตั้งกรุงโรม เมืองหลวงของอิตาลี

โรม (Rome) เป็นเมืองหลวง และเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 2.5 ล้านคน โรมเป็นที่ตั้งของนครวาติกัน ศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก และยังเป็นที่ประทับขององค์สมเด็จพระสันตะปาปา ประมุขของศาสนจักรคาทอลิกทั่วโลกอีกด้วย
หลังสิ้นสุดยุคกลาง กรุงโรมได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของสมเด็จพระสันตะปาปา และด้วยการปกครองนี้ จึงทำให้โรมกลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาในอิตาลีเช่นเดียวกับฟลอเรนซ์ ซึ่งสถาปัตยกรรมจากยุคนั้นที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมาจนถึงปัจจุบัน เช่น มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ และภาพวาดปูนเปียกต่างๆ โดยไมเคิล แองเจโล ที่ประดับในโบสถ์น้อยซิสทีน

ในปี พ.ศ. 2550 โรมเป็นเมืองที่มีผู้มาเยือนมากเป็นอันดับที่ 11 ของโลก และมากเป็นอันดับที่ 3 ในยุโรป นอกจากนี้ กรุงโรมยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เได้รับความนิยมสูงสุดในอิตาลี ศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ในใจกลางเมืองได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก โดยอนุสรณ์สถานและพิพิธภัณฑ์อย่างสนามกีฬาโคลอสเซียม และพิพิธภัณฑ์วาติกัน ยังถูกจัดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมมากที่สุด 50 อันดับแรกของโลก

Spanish Steps ในเรื่องและในสถานที่จริง 

โดยสถานที่ในกรุงโรม ซึ่งเป็นสถานที่สุดท้ายที่ปรากฏอยู่ในฮันเตอร์ x ฮันเตอร์ ปี 1999 ตอนที่ 50 มีชื่อเรียกว่า Spanish Steps หรือ บันไดสเปน นั่นเองค่ะ โดยบันไดแห่งนี้เป็นบันไดที่กว้างและยาวที่สุดในยุโรป มีบันไดทั้งหมด 138 ขั้น สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1723 - 1725 และที่ถูกเรียกว่าบันไดสเปน เพราะในอดีต บริเวณใกล้ๆ นี้ เคยเป็นที่ตั้งของสถานฑูตสเปนนั่นเอง

บันไดสเปนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกจากการเป็นฉากในภาพยนตร์ดังมากมาย และกิจกรรมสุดฮิตของการมาเที่ยวที่นี่ คือการมานั่งปิคนิก และทานไอศกรีม แต่ปัจจุบันได้มีการออกกฏหมายห้ามเนื่องจากทำให้บันไดเปรอะเปื้อนสกปรก ปัจจุบันจึงได้กลายเป็นเพียงแหล่งพบปะพูดคุยของบรรดานักท่องเที่ยว และศิลปินสมัยใหม่ชาวโรม รวมทั้งเป็นที่นั่งชมความสวยงามของพระอาทิตย์ตกดิน ณ บริเวณบันไดสเปนแห่งนี้ด้วย

บริเวณลานด้านหน้าของบันไดสเปน มีน้ำพุสไตล์บาโรกยุคต้น รูปทรงเรือโบราณ ซึ่งถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1627 - 1629 ตามประวัติศาสตร์เล่าว่า พระสันตะปาปาอูร์บาโนที่ 8 รับสั่งให้สร้างจำลองจากเรือที่ถูกพัดมาจากแม่น้ำไทเบอร์ตอนน้ำท่วม และที่มุมขวาของบันได ยังเป็นพิพิธภัณฑ์ และจดหมายเหตุรวบรวมผลงานสำคัญทั้งต้นฉบับและงานเขียนของกวีในยุคโรแมนติกมากมายหลายท่าน และในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา หรือยุคเรอเนสซองส์ สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยว เป็นแหล่งรวบรวมศิลปินและนักเขียน เรียงรายด้วยโรงแรม และที่พักอาคารหรูหรามากมาย

แม้ว่าในปัจจุบัน เทศบาลกรุงโรมจะได้มีการออกกฏระเบียบห้ามรับประทานอาหารบริเวณบันไดแห่งนี้ แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็ยังคงชอบที่จะใช้เป็นสถานที่นั่งพูดคุยกัน ทานอาหาร และดื่มเครื่องดื่มต่างๆ อยู่เสมอ หลายๆ ครั้งมีการแสดงดนตรีเปิดหมวกของเหล่าศิลปิน ซึ่งช่วยสร้างบรรยากาศของที่นี่ให้มีมนต์เสน่ห์ และคลาคล่ำไปด้วยผู้คนนับจนปัจจุบัน



อากิ