วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

[HxH] เยี่ยมบ้านเกิดตัวละครตอนที่ 4 ดินแดนแห่งท้องฟ้าสีคราม

บทความสุดท้ายในหัวข้อ "เยี่ยมบ้านเกิดตัวละครในโลกแห่งความเป็นจริง" จากเรื่อง ฮันเตอร์ x ฮันเตอร์นี้ เราจะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับประเทศที่ได้รับสมญานามว่า "The Land Of Blue Sky" หรือ "ดินแดนแห่งท้องฟ้าสีคราม" โดยนำเรื่องราวจากสถานที่จริง มาเปรียบเทียบกับบ้านเกิดของอีกตัวละครในเรื่อง นั่นก็คือ คุราปิก้านั่นเองค่ะ 


ต้องบอกก่อนว่าคุราปิก้าเป็นตัวละครที่สืบหาเรื่องราวได้ยากมากที่สุดในบรรดาตัวละครเอกทั้งสี่ในเรื่อง เนื่องจากต้องอาศัยพื้นเพเดิม หรือข้อมูล สภาพแวดล้อม รายละเอียดต่างๆ ของเผ่าคูลท์ที่มีอยู่น้อยนิด แต่สามารถตีความและเชื่อมโยงไปได้กว้างมากๆ จึงทำให้ก่อนหน้านี้เราไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ก็เลยล้มเลิกที่จะเขียนเรื่องของคุราปิก้าไปในที่สุด แต่ฟ้ายังมีตา ไม่รู้เป็นเพราะการนำพาของคุราปิก้า หรือเป็นเพราะความศักดิ์สิทธิ์ของอาจารย์โทงาชิกันแน่ที่ทำให้เราได้บังเอิญเจอข้อมูลจากสื่อต่างๆ ที่หลากหลายมากพอที่จะนำมาสนับสนุนข้อสันนิษฐานเดิมของเรา จนแน่ใจว่า ที่อยู่ของเผ่าคูลท์ในโลกแห่งความเป็นจริง มันต้องเป็นที่นี่แหละ! นั่นก็คือ ประเทศมองโกเลียค่ะ

ประเทศมองโกเลีย บนแผนที่โลก

ประเทศมองโกเลีย เป็นประเทศในทวีปเอเชียที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากคาซัคสถาน พรมแดนทางเหนือติดกับประเทศรัสเซีย และทางใต้ติดกับประเทศจีน มองโกเลียมีประชากรราวๆ 3 ล้านคน แต่มีพื้นที่ใหญ่กว่าประเทศไทยถึง 3 เท่า ทำให้มองโกเลียเป็นประเทศที่มีประชากรอาศัยอยู่เบาบางมากที่สุดในโลก และที่มองโกเลียนี้ ยังเป็นประเทศของคนจร ที่ย้ายถิ่นฐานไปเรื่อยๆ ตามโอกาสและฤดูกาล ซึ่งหากใครที่ได้อ่าน ฮันเตอร์ x ฮันเตอร์ เล่ม 0 ก็น่าจะจำกันได้ว่าเผ่าคูลท์ของคุราปิก้านั้น ก็เป็นเผ่าเร่ร่อน ที่ไม่ได้มีที่อยู่อาศัยลงหลักปักฐานเป็นของตัวเองเช่นกัน

คำถามคือ แล้วทำไมถึงเป็นมองโกเลียล่ะ?
เราจะขอเคลียร์ไขข้อสงสัยไปทีละอย่างพร้อมๆกันค่ะ

อย่างแรกก็คือ เรื่องของชาวเผ่าคูลท์ ซึ่งมีกุญแจสำคัญที่บอกว่าเป็น "ชนเผ่าเร่ร่อน" ซึ่งก็ชวนคิดไปถึงชนเผ่าหลายๆ กลุ่มบนโลกของเรา ไม่ว่าจะเป็น ชาวเผ่าแถบแอฟริกา, อเมริกาใต้, ชาวยิปซีเรร่อน และอีกหลายๆ เผ่า ไล่ตั้งแต่ชนเผ่าสมัยจักรวรรดิเจงกิสข่าน ไปจนถึงเส้นทางประวัติศาสตร์สายไหม ซึ่งจากการสืบค้นข้อมูล พบว่าชาวมองโกเลียนั้นมีวิถีชีวิตที่มีการย้ายถิ่นฐานที่อยู่ของตัวเองมานานนับพันๆ ปีตั้งแต่สมัยโบราณ ชาวมองโกลส่วนมากจะประกอบอาชีพเกษตรกรรม คือเลี้ยงสัตว์ เพราะที่นี่ปลูกอะไรก็ไม่ขึ้น ชาวบ้านไม่สามารถประกอบอาชีพเป็นชาวนา หรือชาวสวนได้ ดังนั้น อาชีพเกษตกรของที่นี่ จึงหมายถึงคนเลี้ยงสัตว์ค่ะ จะมีการย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆ เมื่อสัตว์ที่เลี้ยงไว้ กินหญ้ารอบๆ บริเวณจนเหี้ยน ประมาณสองถึงสามเดือนก็จะมีการย้ายที่อยู่ โดยที่ไม่ต้องซื้อที่ ไม่ต้องมีค่าเช่าที่ เพราะถือว่าทุกๆ พื้นที่ ทุกๆ ตารางนั้น เป็นของธรรมชาติ เป็นของเทพเจ้าแห่งท้องฟ้าและพื้นแผ่นดิน


นอกจากสัตว์จะมีบทบาทสำคัญในการย้ายที่อยู่แล้ว ในส่วนของที่อยู่อาศัย สัตว์ที่ชาวมองโกลนิยมเลี้ยงไว้ (ชาวมองโกลนิยมเลี้ยงสัตว์อยู่ 4 ชนิด คือ วัว แพะ แกะ และอูฐ ซึ่งอูฐจะนิยมเลี้ยงในเขตที่มีพื้นที่ติดกับทะเลทราย) ก็เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของการสร้างบ้านเรือนด้วยค่ะ

บ้านเรือนของชาวเผ่าคูลท์ (ซ้าย) และบ้านของชาวมองโกล (ขวา)

หากจะว่ากันด้วยเรื่องของที่อยู่อาศัย หากใครสังเกตเห็นและจำได้ดี จะพบว่าลักษณะบ้านของชนเผ่าคูลท์ที่ตั้งอยู่ในป่าอันอุดมสมบูรณ์งดงามนั้น มีลักษณะคล้ายๆ กระโจม เป็นรูปถ้วยชามคว่ำ ซึ่งมีความคล้ายคลึงมากๆ กับบ้านของชาวมองโกลที่เรียกว่า "เกอร์ (Ger)" โดยเกอร์นี้ ทำจากไม้โดยมีการเรียงตัวกันเป็นรูปกระโจมทรงกลมคล้ายชามคว่ำ บนหลังคามีลักษณะคล้ายโดม ถูกห่มด้วยหนังอูฐที่นำมาเป็นผ้าคลุมกันลมกันฝน โดยทุกอย่างสามารถถอดรื้อ แล้วห่อเก็บขึ้นบรรทุกได้เมื่อถึงเวลาต้องย้ายถิ่นฐาน ภายในเกอร์จะประกอบไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ เตียง ผ้าห่มขนอูฐ เตาฟืน โต๊ะ อ่างน้ำ เรียกได้ว่าครบครันพอๆ กับบ้านเรือนทั่วๆ ไปเลยทีเดียว


ภายในเกอร์

ในส่วนของกายแต่งกายนั้น จะเห็นได้ว่าชุดของชาวมองโกลนั้นจะเป็นชุดที่ยาว ซึ่งบางชุดก็เห็นว่ามีความคล้ายคลึงกับชุดที่คุราปิก้าใส่ รวมถึงชาวเผ่าคูลท์คนอื่นๆ ซะจริง โดยการสืบค้นข้อมูลที่ได้มา พบว่าชุดของคุราปิก้านั้นเปรียบได้กับชุดพื้นเมืองของชาวมองโกลเลยทีเดียว

ชุดพื้นเมืองของชาวมองโกล

ชุดของชาวมองโกลเรียกว่า "เดลล์ (Deel)" ด้วยความที่ประเทศมองโกเลียนั้นเป็นประเทศที่ประกอบไปด้วยหลายชนเผ่า ลักษณะของชุดจึงมีการแตกต่างกันไปบ้างเล็กน้อย สำหรับเดลล์ หรือชุดประจำชาติมองโกเลียนั้น มีลักษณะเด่นคือ เป็นชุดที่ยาว ทำจากขนสัตว์จึงสามารถทนกับสภาพอากาศหนาวได้ดี โดยฤดูหนาวในมองโกเลียนั้นมีอุณหภูมิต่ำถึง -40 องศาเซลเซียส หากเป็นฤดูร้อน หรือเป็นช่วงที่อากาศอบอุ่นขึ้น ชาวมองโกลก็จะเปลี่ยนจากชุดขนสัตว์ มาสวมใส่ชุดพื้นเมืองที่ทำจากผ้าฝ้ายแทน ซึ่งก็มีความคล้ายคลึงกับชุดของชนเผ่าคูลท์ ตามที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ค่ะ

ชุดพื้นเมืองของชาวมองโกล

ชุดของคุราปิก้า และชนเผ่าคูลท์

และอีกประเด็นสำคัญสุดท้าย ที่จะต้องหยิบยกมาเล่าให้ได้เลยก็คือ เรื่องของ "ผมทอง ตาฟ้า" นั่นเองค่ะ
ก่อนหน้านี้ก็มีการคิดวิเคราะห์ลักษณะของคุราปิก้าอยู่นานพอสมควร และสับสนกับเรื่องสีผมกับสีตา คุราปิก้าถือว่าเป็นผู้ชายที่ตัวค่อนข้างจะเล็ก เลยตีความไปว่าน่าจะเป็นคนเอเชียค่ะ แต่เอเชียที่มีผมสีอ่อน กับตาสีฟ้า สีเขียวแบบนี้ มันไม่มีน่ะสิ

ถึงตรงนี้ หลายๆ คนก็อาจจะบอกว่าซีเรียสหรือจริงจังมากไปรึเปล่า? จริงๆ ก็ไม่ถึงกับซีเรียสค่ะ เพียงแต่อยากได้ข้อมูลที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด เพื่อไม่ให้มีอะไรค้างคาความสงสัยอยู่ในใจเท่านั้นเอง ซึ่งก็ปรากฎว่า สืบไปสืบมา ก็เจอตามที่ต้องการจริงๆ ค่ะ เราเจอชาวเอเชียที่มีลักษณะใกล้เคียงกับผมทอง ตาฟ้า แบบที่เราสงสัยแล้ว

ลักษณะทางกายภาพทั่วไปของชาวมองโกเลีย

ซึ่งแน่นอนว่า ก็ยังคงมาพบที่ "มองโกเลีย" เช่นเดิมค่ะ โดยเรื่องผมทอง ตาสีฟ้านี้ เกิดจากการสันนิษฐานในเรื่องของบรรพบุรุษชาวมองโกล โดยตามตำนานเรื่องเล่ากล่าวว่าชาวมองโกลคือลูกหลานของเจ้าชายหมาป่าสีน้ำเงินกับนางกวางขาว ที่ได้ตกหลุมรัก และให้กำเนิดลูกหลานมากมาย กลายเป็นชาวมองโกเลียในปัจจุบันนี้ ซึ่งก็มีการสันนิษฐาน และวิเคราะห์กันต่อมาว่า เชื้อสายของชาวมองโกล น่าจะมาจากการผสมผสานระหว่างชาวตะวันตกเชื้อสายคอเคซอยด์ กับชาวตะวันออกผิวขาว โดยหมาป่าสีน้ำเงินเปรียบได้กับชาวยุโรป หรือชาวคอเคซอยด์ ที่อาศัยอยู่บริเวณทุ่งราบไซบีเรีย ส่วนนางกวางขาวนั้น เปรียบเป็นชาวเอเชียหรือมองโกลอยด์ และเกิดการแต่งงานมาอาศัยอยู่ร่วมกัน ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ชาวมองโกลนั้นมีรูปร่าง หน้าตา และผิวพรรณแตกต่างกับชาวเอเชียทั่วไปพอสมควร คือจะมีเส้นผมออกเป็นสีน้ำตาลอ่อน คล้ายชาวตะวันตก บ้างก็ออกเป็นสีแดงหรือเทาเข้มไปเลย ส่วนดวงตาจะเป็นสีจาง เช่น สีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีเทา สีเขียว หรือแม้กระทั่งสีน้ำเงินก็มี

อีกหนึ่งความหมายแฝงของตำนานหมาป่าสีน้ำเงินกับนางกวางขาว ก็ได้มีการเปรียบเปรยเชิงอุปมาหรือสัญลักษณ์ไว้ว่า หมาป่าสีน้ำเงินและกวางสีขาวนั้น อาจเปรียบถึงชนเผ่าที่นับถือสัตว์แห่งเทพที่แตกต่างกัน โดยเผ่าหนึ่งนับถือหมาป่า ส่วนอีกเผ่านับถือกวาง แต่สุดท้ายแล้ว ทั้งสองเผ่าก็ได้มาปรองดองอยู่ด้วยกันในที่สุด หรืออาจจะบอกเป็นนัยๆ ถึงเรื่องการแต่งงานข้ามเผ่าด้วยก็เป็นได้ค่ะ

ผมสีอ่อน นัยน์ตาสีอ่อนของคุราปิก้า

เรียกได้ว่าตั้งแต่เขียนเรื่องวิเคราะห์บ้านเกิดของตัวละครขึ้นมา คุราปิก้าเป็นตัวละครที่หาข้อมูลอ้างอิงจากโลกความจริงได้ยากที่สุด แต่พอหาได้แล้ว กลับเป็นตัวละครที่มีทั้งเรื่องราว และลักษณะต่างๆ ให้เชื่อมโยงกับข้อมูลที่หามาได้เยอะที่สุดในบรรดาตัวเอกทั้งสี่เลยจริงๆ ในส่วนของลักษณะอื่นๆ เช่น เนตรสีเพลิง, การถูกปิดกั้นจากโลกภายนอก หรือการฆ่าล้างเผ่า อาจจะไม่ได้พูดถึง เพราะก็คงเป็นการเสริมเรื่องราวจากอ. โยชิฮิโระ โทงาชิ เพื่อให้เรื่องราวน่าติดตาม และเป็นสตอรี่ของตัวละครเท่านั้น ดังนั้น สิ่งที่เราตั้งใจจะทำ จึงเป็นเพียงแค่การวิเคราะห์เชื่อมโยงกับสิ่งต่างๆ บนโลกของเราเท่านั้นเองค่ะ หากมีโอกาสได้เดินทางไปยังประเทศมองโกเลีย ก็อยากจะเก็บอะไรหลายๆ อย่างที่เห็นแล้วชวนให้นึกถึงเผ่าคูลท์ มาให้ทุกๆ คนที่ชื่นชอบฮันเตอร์ x ฮันเตอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แฟนๆ ของคุราปิก้า ให้ได้ชมกันจริงๆค่ะ หรือถ้าใครมีโอกาสได้ไปเยือนประเทศ "ดินแดนแห่งท้องฟ้าสีคราม" นี้ ก็อย่าลืมแวะเวียนมาบอกเล่าประสบการณ์กันบ้างนะคะ รับรองว่าชีวิตในทุ่งเลี้ยงสัตว์ และการค้างแรมในเกอร์ คงเป็นประสบการณ์ที่ประทับใจในชีวิตจนไม่สามารถลืมได้ลงแน่ๆ ค่ะ


หมายเหตุ : การเปรียบเทียบสถานที่ในบทความนี้ ไม่ได้เป็นการการันตีหรือยืนยันชัดเจนโดยตรง ว่าอ. โยชิฮิโระ โทงาชิ ได้นำมาเป็นต้นแบบจริงๆ แต่อย่างใด หากแต่เป็นเพียงการเปรียบเทียบ และแสดงความคิดเห็นในมุมมองของผู้เขียน ซึ่งเป็นแฟนการ์ตูนฮันเตอร์ x ฮันเตอร์ และสนใจเรื่องการท่องเที่ยว ประวัติศาสตร์ และภูมิศาสตร์ค่ะ

อากิ

1 ความคิดเห็น:

  1. Wynn Las Vegas to reopen at 100% capacity Oct. 23
    Wynn 서귀포 출장안마 Las Vegas will reopen its doors 구미 출장마사지 on 오산 출장샵 Thursday, June 23, 2020, as the resort reopens its doors to the public, with 속초 출장마사지 more 안산 출장샵 than 1,200 rooms

    ตอบลบ